ภาวะเงินเฟ้อ (Inflation) เป็นสิ่งที่อยู่ใกล้ตัวเรามาก เพราะสังเกตได้ว่าราคาสินค้าและบริการหลายๆ อย่างมีการปรับตัวขึ้นทุกปี บางครั้งก็ขึ้นทีละเล็กละน้อยจนเราอาจไม่รู้สึก แต่ถ้าลองเทียบราคาสินค้าเมื่อหลายปีก่อนกับตอนนี้จะเห็นความเปลี่ยนแปลงด้านราคาอย่างชัดเจน ทำให้เรามีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น ดังนั้นเพื่อการรับมือกับเงินเฟ้อในอนาคต ควรทำความรู้ความเข้าใจเสียก่อนว่าเงินเฟ้อคืออะไร
ภาวะเงินเฟ้อคืออะไร?
เงินเฟ้อ (Inflation) คือ การที่ระดับราคาสินค้าและบริการในประเทศที่เพิ่มสูงขึ้น และมีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นสูงอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากค่าของเงินต่ำลง ส่งผลให้อำนาจการซื้อสินค้าหรือบริการลดลง ยกตัวอย่างเช่น เมื่อ 10 กว่าปีก่อน หนังสือการ์ตูนเล่มละ 40 บาท แต่ปัจจุบันหนังสือการ์ตูนเล่มละ 80 บาท เงิน 80 บาทในอดีตเคยซื้อหนังสือการ์ตูนได้ 2 เล่ม ขณะที่ปัจจุบันซื้อได้ 1 เล่ม สิ่งนี้เรียกว่าภาวะเงินเฟ้อ โดยเป็นภาวะซึ่งตรงข้ามกันกับภาวะเงินฝืด (Deflation) ที่ราคาสินค้าและบริการต่ำลง (อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับเงินฝืด)
สาเหตุของภาวะเงินเฟ้อ
- ความต้องการซื้อมากกว่าความสามารถในการผลิต คือ ประชาชนหรือผู้บริโภคมีเงินตรามาก แต่สินค้ามีการผลิตน้อย สินค้าจึงมีราคาแพงมากขึ้น
- ต้นทุนการผลิตสูงขึ้น เช่น ค่าแรงสูงขึ้น วัตถุดิบมีราคาสูงขึ้น ทำให้สินค้ามีราคาสูงขึ้น
ผลกระทบของเงินเฟ้อ
- ผู้บริโภคซื้อสินค้าได้น้อยลงในปริมาณเงินเท่าเดิม
- นักลงทุน หรือผู้ที่ฝากเงินแบบหวังกำไรจากดอกเบี้ยเงินฝาก จะได้ผลตอบแทนน้อยลง เพราะอัตราดอกเบี้ยเท่าเดิม แม้เงินเฟ้อจะสูงขึ้น
- ลูกหนี้ใช้หนี้น้อยลง เพราะจำนวนหนี้มีค่าเท่าเดิมแม้อยู่ในภาวะเงินเฟ้อ ลูกหนี้ได้ค่าแรงเพิ่มขึ้นแต่ภาระใช้หนี้เท่าเดิม ส่งผลดีทำให้ลดภาระหนี้ของทั้งภาครัฐและเอกชน
- กระตุ้นการลงทุน เพราะเงินที่เก็บไว้กับตัวมีมูลค่าน้อยลง การลงทุนให้เงินอยู่ในรูปแบบอื่น เช่น อสังหาริมทรัพย์ ทอง จึงมีมากขึ้น
การแก้ไขและควบคุมเงินเฟ้อ
- ใช้นโยบายการคลัง คือ ลดรายจ่ายของภาครัฐ และลดปริมาณเงินในมือประชาชน โดยการเก็บภาษีเพิ่ม
- ใช้นโยบายการเงิน คือ ลดปริมาณเงินในมือประชาชน โดยเพิ่มอัตราดอกเบี้ยเงินฝากและเงินกู้ จึงทำให้ความต้องการซื้อสินค้าและบริการลดลง และเพิ่มการขายพันธบัตรรัฐบาล ลดการซื้อพันธบัตรรัฐบาลคืน รวมถึงลดการขยายวงเงินบัตรเครดิตและวงเงินสินเชื่อ
ภาวะเงินเฟ้อมีทั้งข้อดีและข้อเสีย ซึ่งในส่วนของข้อเสียเราต้องหาวิธีรับมือให้ได้ เช่น การฝากเงินบัญชีเงินฝากที่ให้ดอกเบี้ยสูงอย่างการฝากประจำอย่างน้อย 12 เดือน การซื้อพันธบัตรรัฐบาลที่ได้ผลตอบแทนมากกว่าเงินเฟ้อ การลงทุนในหุ้นที่ได้เงินปันผลและเงินตอบแทนจากส่วนต่าง แต่ทั้งนี้การลงทุนใดๆ ก็ตามมีความเสี่ยง ต้องศึกษาให้ดีก่อนลงทุน
บทความแนะนำ
- วิธีการออมเงินสำหรับมนุษย์เงินเดือน เก็บเงินแสนได้ไม่ยาก!
- วิธีการลงทุนและหารายได้เสริมสำหรับมนุษย์เงินเดือนที่สามารถทำได้จริง!
- รายได้แบบ Active Income และ Passive Income คืออะไร?
- เงินเดือนไม่พอใช้ หมุนเงินไม่ทัน เป็นหนี้เยอะ ทำอย่างไรดี?
- อยากลงทุนระยะสั้น ได้ผลตอบแทนดีๆ…เลือกลงทุนอะไรดี?
- อยากลงทุนระยะยาว ได้ผลตอบแทนดีๆ…เลือกลงทุนอะไรดี?