สินเชื่อทางการเงินสำหรับบุคคลธรรมดานั้นมีมากมายหลายแบบ โดยแบบที่พบเห็นได้ทั่วไปและเป็นที่นิยมคือ บัตรเครดิต และ บัตรกดเงินสด ซึ่งเป็นสินเชื่อในรูปแบบบัตร ทำให้ไม่ต้องพกเงินสดจำนวนมาก รวดเร็ว และสะดวกสบายมากขึ้น แต่หลายคนอาจสับสนว่าระหว่าง บัตรเครดิต และ บัตรกดเงินสด แตกต่างกันอย่างไร และเหมาะกับการใช้งานแบบไหนดี ซึ่งขอแนะนำว่าต้องศึกษาข้อมูลให้ละเอียดก่อนเลือกใช้งาน เพราะไม่อย่างนั้นอาจเกิดดอกเบี้ยก้อนโตที่ต้องใช้คืนจากการใช้ไม่ถูกจุดประสงค์
บัตรเครติต คืออะไร?
บัตรเครดิต คือ บัตรที่ธนาคารพาณิชย์หรือผู้ประกอบธุรกิจบัตรเครดิตออกให้กับลูกค้าที่รายได้ต่อเดือนถึงเกณฑ์ เพื่อที่จะสามารถนำเงินมาใช้จ่ายล่วงหน้า ทั้งซื้อสินค้าและบริการต่างๆ ทั้งยังซื้อของออนไลน์ จองตั๋วเครื่องบิน และจ่ายค่าสาธารณูปโภคต่างๆ โดยต้องชำระหนี้ในภายหลังพร้อมอัตราดอกเบี้ยที่กำหนดไว้ นอกจากนี้บัตรเครดิตยังช่วยลดการพกพาเงินสดจำนวนมากที่เสี่ยงต่อการสูญหายอีกด้วย
บัตรเครดิตเหมาะกับผู้ที่ต้องการซื้อสินค้าหรือบริการบางอย่างในราคาสูงแต่ไม่ต้องการออมเงินเป็นเวลานาน ซึ่งบัตรเครดิตจะช่วยให้สามารถซื้อสินค้าหรือบริการนั้นได้เลยและค่อยๆ ผ่อนชำระจนครบพร้อมดอกเบี้ย ซึ่งมีช่วงเวลาปลอดดอกเบี้ยสำหรับสินค้าและบริการที่ร่วมรายการ ทั้งนี้สำหรับผู้ที่มีวินัยทางการเงิน หรือชอบวางแผนใช้ประโยชน์จากคะแนนสะสมต่างๆ การใช้บัตรเครดิตเพื่อสะสมคะแนนจะทำให้ได้สิทธิประโยชน์ต่างๆ มากมายแบบที่การจ่ายเงินสดให้ไม่ได้เลยทีเดียว (อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับข้อดีและข้อเสียของบัตรเครดิต)
การสมัครบัตรเครดิต
การสมัครบัตรเครดิตนั้นต้องเตรียมประวัติให้พร้อม เพราะทางธนาคารจะตรวจสอบประวัติการใช้เงินย้อนหลังของเราว่ามีความเสี่ยงหรือเข้าเกณฑ์ที่ต้องการหรือไม่ โดยสิ่งที่ควรเตรียมคือสำเนาบัญชีออมทรัพย์ย้อนหลังประมาณ 3 – 6 เดือน เพื่อให้เห็นว่ามีรายได้เข้าบัญชีอย่างสม่ำเสมอและคงที่ หรืออาจใช้สลิปเงินเดือนเป็นหลักฐานประกอบได้เลย
นอกจากนี้ต้องไม่เคยค้างชำระจ่ายค่าสาธารณูปโภคต่างๆ รวมถึงประวัติการกู้ยืมเงินในอดีต ประวัติการทำงาน เงินเดือน และอายุ ทั้งนี้ประวัติการสมัครบัตรเครดิตก่อนหน้านี้ก็สำคัญ เพราะถ้าธนาคารทราบว่าเรามีบัตรเครดิตหลายใบ อาจแปลได้ว่าเรามีความต้องการใช้เงินมาก และมีความเสี่ยงสูงนั่นเอง
สำหรับคนที่คิดว่าธนาคารคงไม่รู้ประวัติของเราทั้งหมด จึงไม่กังวลกับการใช้จ่ายไม่คิดหน้าคิดหลัง จนมีประวัติกู้ยืมที่ไม่ดี คือคืนไม่ตรงกำหนดชำระ หรือไม่สามารถคืนเงินที่ยืมมาได้ ขอเตือนว่าทางธนาคารสามารถตรวจสอบข้อมูลเหล่านี้ได้ง่ายๆ จากเครดิตบูโร หรือ บริษัทข้อมูลเครดิตแห่งชาติ (National Credit Bureau) ที่ธนาคารและสถาบันการเงินต่างๆ ได้ส่งข้อมูลทางการเงินของลูกค้าไปรวบรวมเอาไว้เพื่อความสะดวกในการประมวลข้อมูลเครดิต และให้ธนาคารและสถาบันการเงินใช้ในการประกอบการตัดสินใจว่าจะอนุมัติสินเชื่อหรือไม่

บัตรกดเงินสด คืออะไร?
บัตรกดเงินสด คือ บัตรที่ใช้กดเงินสดออกจากตู้ ATM ในวงเงินที่ได้รับอนุมัติ ไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมการกดเงินสดเหมือนกับบัตรเครดิต แต่ไม่สามารถใช้รูดซื้อสินค้าหรือซื้อสินค้าออนไลน์ได้ ยกเว้นสำหรับบางบัตรที่รูดผ่อนสินค้ากับร้านค้าที่ร่วมรายการได้
การใช้บัตรกดเงินสดไม่ต้องมีทรัพย์สินเพื่อเป็นหลักประกัน แต่เพราะเหตุนี้เองจึงทำให้มีอัตราดอกเบี้ยสูงกว่า 20 % ขึ้นไป ซึ่งสูงกว่าอัตราดอกเบี้ยของสินเชื่ออื่นๆ ในด้านการคิดดอกเบี้ย จะคิดดอกเบี้ยเป็นรายวัน เมื่อชำระยอดแล้วจะสามารถกดเงินสดในวงเงินเดิมได้ อย่างไรก็ดี บัตรกดเงินสดเหมาะสำหรับการใช้งานในกรณีฉุกเฉินเนื่องจากดอกเบี้ยที่ค่อนข้างสูง
การสมัครบัตรกดเงินสด
การสมัครบัตรกดเงินสด จะมีหลักการคล้ายๆ กับการสมัครบัตรเครดิต คือต้องเตรียมประวัติให้สถาบันทางการเงินตรวจสอบ หรือเอกสารอื่นๆ ที่สถาบันการเงินอาจขอมา เช่น สำเนาใบแสดงหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย (ทวิ 50) เป็นต้น ทั้งนี้ต้องมีวินัยในการชำระเงินคืนเมื่อกู้ยืมเพื่อให้ประวัติข้อมูลเครดิตไม่มีปัญหาเช่นเดียวกับการสมัครบัตรเครดิต จึงจะสามารถสมัครบัตรกดเงินสดได้อย่างง่ายดาย
กดเงินสดจากบัตรไหนดี?
บัตรเครดิตและบัตรกดเงินสด มีจุดเด่นแตกต่างกันไป บัตรเครดิตไม่เหมาะสำหรับกดเงินสด เพราะมีค่าธรรมเนียมการกดเงินสด แต่จุดเด่นคือใช้สำหรับรูดซื้อสินค้าและซื้อสินค้าแบบผ่อนชำระ เพราะมีช่วงเวลาปลอดดอกเบี้ยนาน ขณะที่บัตรกดเงินสดถูกออกแบบมาเพื่อกดเงินสดโดยเฉพาะ จึงไม่มีค่าธรรมเนียมในการกดเงินสด ไม่กำหนดวงเงินขั้นต่ำในการถอนเงิน แต่ผู้ใช้งานก็ต้องแลกกับอัตราดอกเบี้ยที่สูง ซึ่งถ้ารีบชำระดอกเบี้ยให้เร็วที่สุดก็จะยิ่งเสียดอกเบี้ยน้อยลง จากการคิดดอกเบี้ยเป็นรายวัน
สรุปแล้ว บัตรเครดิตและบัตรกดเงินสดมีการใช้งานที่แตกต่างกันไป รวมถึงอัตราดอกเบี้ยที่แตกต่างกันด้วย ขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้ใช้บัตรว่าต้องการจะใช้เงินแบบไหน ถ้าเป็นกรณีที่ต้องใช้เงินสดแบบฉุกเฉิน บัตรกดเงินสดจะเหมาะกว่า หรือถ้าต้องการซื้อสินค้าราคาสูงในแบบผ่อนชำระ บัตรเครดิตจะเหมาะกว่าเพราะมีช่วงปลอดดอกเบี้ยนั่นเอง