“เส้นทางสู่เงินล้าน” อาจฟังดูเหมือนเส้นทางอันยาวไกลสำหรับมนุษย์เงินเดือนอย่างเราๆ เพราะค่าครองชีพที่มีแต่จะสูงขึ้นทุกวัน อีกทั้งถ้าเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นอีกโอกาสที่จะสัมผัสเงินก้อนโตก็น้อยลงไปอีก แต่ที่จริงแล้วหากรู้จักแบ่งเงินเก็บออมหรือนำไปลงทุนโอกาสนั้นก็ไม่ได้ไกลเกินเอื้อม เราจึงมี 5 วิธีเก็บเงินให้ได้ 1 ล้าน มาแนะนำมนุษย์เงินเดือนที่อยากมีเงินล้านแรกกัน!
วิธีเก็บเงินสำหรับคนที่อยากมีเงินล้าน
1. ปลดหนี้ที่มีอยู่ก่อน
หากต้องการเก็บเงินให้เร็วขึ้น สิ่งแรกที่ควรทำเลยคือ กำจัดอุปสรรคที่จะทำให้เราไปถึงเงินล้านอย่างหนี้สินทั้งหลายโดยเฉพาะหนี้สินจากสิ่งที่ไม่จำเป็น หากเราตัดความต้องการตรงนี้ออกไปหรือรีบปลดหนี้เหล่านี้ให้หมดก่อนจะเริ่มเก็บเงินอย่างจริงจัง การปลดหนี้จึงเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการเก็บเงินให้ได้ 1 ล้านแรกได้เร็วและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ระหว่างทางเก็บเงินล้านก็อย่าลืมเก็บเงินเผื่อเหตุการณ์ฉุกเฉินที่อาจเกิดขึ้นได้ถ้าหากไม่วางแผนส่วนนี้ไว้ก็อาจจะต้องนำเงินเก็บส่วนนี้มาใช้ก่อนซึ่งอาจทำให้แผนที่วางไว้สะดุดได้
2. เปิดบัญชีเงินฝาก
วิธีสุดเบสิกในการเก็บเงินนอกจากการเก็บเงินสดไว้กับตัวคือ การเปิดบัญชีเงินฝาก ไม่ว่าจะเป็นบัญชีออมทรัพย์หรือบัญชีฝากประจำหากฝากอย่างต่อเนื่องทุกเดือนโดยไม่แตะต้องเงินในบัญชีนี้เลย เราก็ไปถึงเงินล้านได้เช่นกัน ตัวอย่างเช่น เก็บเงินเดือนละ 5,000 บาท ในบัญชีออมทรัพย์ดอกเบี้ย 0.75% เป็นเวลาเพียง 16 ปี เราก็จะได้แตะเงินล้านแรกกันแล้ว และหากเก็บได้มากขึ้นระยะเวลาที่จะได้จับเงินล้านก็เร็วขึ้นมากเท่านั้น
อย่างไรก็ตามควรเก็บเงินโดยแบ่งจากเงินเดือนประมาณ 10%-30% หรือจะมากกว่านี้ก็ได้หากมีรายจ่ายไม่มากนัก และที่สำคัญควรทำบัญชีรายรับ-รายจ่ายเพื่อให้เห็นถึงรายจ่ายที่มากกว่าปกติหรือรายจ่ายที่ไม่จำเป็น จะได้ป้องกันเงินรั่วไหลออกจากกระเป๋าเราโดยไม่จำเป็น (อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับประเภทเงินฝากธนาคาร)
3. ลงทุนในหุ้น (Stock)
หุ้นเป็นการลงทุนที่ได้รับความนิยมจากคนทั่วไป เนื่องจากหุ้นเป็นตราสารที่กิจการออกให้ผู้ถือเพื่อระดมเงินทุนไปใช้ในกิจการ เรียกง่ายๆ ว่าการซื้อหุ้นคือการเข้าไปเป็นเจ้าของกิจการนั่นเอง โดยการลงทุนกับหุ้นมีโอกาสได้รับผลตอบแทนทั้งในรูปแบบของเงินปันผลหรือกำไรจากการซื้อขายหุ้น การเลือกลงทุนแบบระยะยาวในตลาดหุ้นจึงเป็นทางเลือกที่ดีต่อการเก็บเงินล้านแรกรวมไปถึงส่งผลดีในระยะยาวด้วย (อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเล่นหุ้น)
สำหรับประเภทหุ้นที่เหมาะแก่การลงทุนในระยะยาว ได้แก่
- หุ้นเติบโต (Growth Stock) เป็นหุ้นที่มีแนวโน้มในการขยายกิจการสูง โดยมีผลตอบแทนสูงซึ่งมาพร้อมกับความเสี่ยงเช่นกัน เช่น หุ้นกลุ่มเทคโนโลยี
- หุ้นคุณค่า (Value Stock) เป็นหุ้นในกลุ่มธุรกิจที่มีความมั่นคงสูง ผลการดำเนินงานสม่ำเสมอ โดยมีผลตอบแทนปานกลางและความเสี่ยงในระดับปานกลาง เช่น หุ้นท่าอากาศยาน
- หุ้นปันผล (Dividend Stock) คือผลตอบแทนในรูปเงินปันผลมักเป็นหุ้นที่มีกระแสเงินสดรับมากทำให้จ่ายเงินปันผลได้สูง โดยมีผลตอบแทนปานกลางถึงต่ำและมีความเสี่ยงต่ำ เช่น หุ้นกลุ่มสาธารณูปโภค
4. ลงทุนในกองทุนรวม (Mutual Fund)
กองทุนรวมเป็นการลงทุนสำหรับนักลงทุนมือใหม่เพราะกองทุนรวม คือ การนำเงินของนักลงทุนรายย่อยมารวมกันเป็นเงินก้อนใหญ่แล้วนำไปจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล แล้วนำเงินก้อนนี้ไปลงทุนต่อในหลักทรัพย์หรือทรัพย์สินประเภทต่างๆ โดยมีบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) เป็นผู้ดูแลเงินก้อนนี้ว่าเหมาะจะนำไปลงทุนด้านไหน โดยผลตอบแทนจากกองทุนรวมจะมาในรูปแบบของเงินปันผล (อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับกองทุนรวม)
กองทุนรวม 2 ประเภทที่ได้รับความนิยมได้แก่ SSF และ RMF
- SSF ย่อมาจาก Super Saving Fund หรือ กองทุนรวมเพื่อการออม เป็นกองทุนที่เน้นการออมระยะยาวโดยมาแทนที่กองทุน LTF ที่หมดอายุไปเมื่อปี 2562 โดย SSF เป็นกองทุนที่สามารถลงทุนในหลักทรัพย์อะไรก็ได้ทั้งในตลาดหุ้นไทยและต่างประเทศ ตราสารหนี้ หุ้นกู้ กองทุนทองคำ ฯลฯ เพื่อให้ยืดหยุ่นตามสถานการณ์และเพื่อผลตอบแทนที่ดีที่สุดในระยะเวลานั้น ทั้งนี้ SSF ปรับระยะเวลาการถือครองเป็น 10 ปี และใช้ลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 30% ของรายได้พึงประเมินแต่ไม่เกิน 200,000 บาท
- RMF ย่อมากจาก Retirement Mutual Fund หรือ กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ เป็นกองทุนสำหรับออมเงินระยาวสำหรับวัยเกษียณมีลักษณะคล้ายกับเงินบำนาญ เหมาะสำหรับคนที่เป็นฟรีแลนซ์หรือผู้ที่วางแผนทางการเงินระยะยาวและนำมาลดหย่อนภาษีได้เช่นกัน
5. ลงทุนในตราสารหนี้ (Bond)
ตราสารหนี้ คือ ตราสารทางการเงินที่ผู้ลงทุนมีสถานะเป็นเจ้าหนี้และผู้ออกมีสถานะเป็นลูกหนี้ เช่น พันธบัตรรัฐบาล หุ้นกู้เอกชน โดยผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนในรูปแบบของดอกเบี้ยสม่ำเสมอและได้รับเงินต้นคืนเมื่อครบกำหนด ตราสารหนี้จึงเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่เหมาะกับการกระจายความเสี่ยงด้านการลงทุนเพราะโดยส่วนมากตราสารหนี้มักมีราคาขึ้นลงตรงข้ามกับหุ้นจึงเป็นช่องทางที่ดีในการกระจายความเสี่ยง นอกจากนี้ตราสารหนี้ก็ให้ดอกเบี้ยสูงกว่าบัญชีเงินฝากทั่วไปอีกด้วย ถือเป็นการลงทุนอีกทางเลือกที่มีความเสี่ยงไม่สูงมากนัก (อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับตราสารหนี้)
ถึงแม้ว่าจะมีถึง 5 วิธีเก็บเงินให้ได้ 1 ล้าน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าวิธีใดวิธีหนึ่งจะช่วยให้เงินล้านมาถึงมือเราได้เร็วขึ้น ทางที่ดีเราควรมีเป้าหมายที่จะเก็บเงินให้ชัดเจน วางแผนการเก็บออมเงินอย่างมีวินัยและเลือกการลงทุนที่เหมาะกับรายได้หรือการลงทุนบนความเสี่ยงที่เรารับได้ไม่สร้างความลำบากมากจนเกินไป เพียงเท่านี้เส้นทางสู่เงินล้านก็อยู่ไม่ไกลเกินเอื้อมแล้ว