ยุคนี้ใครที่มีความสามารถด้านภาษาถือว่ามีชัยไปกว่าครึ่ง เพราะภาษาเป็นใบผ่านทางแรกในการทำงานต่างๆ ไม่ว่าจะงานในไทย หรืองานที่ต่างประเทศ ซึ่งคนที่มีความรู้ด้านภาษาอังกฤษหรือภาษาที่ 3 เช่น ญี่ปุ่น จีน นักแปลภาษาเป็นหนึ่งในอาชีพที่น่าสนใจ เหมาะสำหรับคนที่รักการอ่าน ชื่นชอบการเขียน และสนใจศึกษาหาความรู้อยู่เสมอ อีกทั้งนักแปลภาษายังได้รายได้ค่อนข้างดี เพราะเป็นงานที่ต้องใช้ความรู้ความเชี่ยวชาญในด้านภาษา รวมถึงสามารถทำเป็นอาชีพเสริมเพื่อหารายได้เพิ่มจากงานประจำได้อีกด้วย
หน้าที่ของนักแปลภาษา (Translator)
นักแปลภาษา (Translator) มีหน้าที่แปลภาษาหนึ่งไปยังอีกภาษาหนึ่งที่เป็นเป้าหมายสำหรับการใช้งาน นักแปลภาษามีความแตกต่างจากล่ามแปลภาษา (Interpreter) คือ ล่ามต้องแปลเพื่อการสื่อสารระหว่างบุคคล ขณะที่นักแปลภาษาจะแปลผ่านสื่อต่างๆ เช่น เอกสาร สิ่งพิมพ์ จดหมาย หนังสือ เป็นต้น
นักแปลต้องมีความรู้อย่างแตกฉานในทั้ง 2 ภาษา เช่น ภาษาไทยและภาษาอังกฤษ เพื่อให้งานแปลที่ออกมานั้นเข้าใจง่าย มีความชัดเจน ความหมายไม่ผิดเพี้ยน และเนื่องจากภาษามีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ทั้งสำนวน คำสแลง นักแปลจึงต้องมีการพัฒนาตนเองอยู่ตลอดเช่นกัน
ข้อควรรู้สำหรับคนที่อยากเป็นนักแปล (Translator)
1. มีความเชี่ยวชาญทั้ง 2 ภาษา
สาเหตุที่ต้องมีความเชี่ยวชาญในภาษาที่จะแปลทั้ง 2 ภาษา เพราะถ้ามีความรู้ความเข้าใจในภาษาที่แปลเพียงภาษาเดียว เช่น ใช้ภาษาอังกฤษได้เป็นอย่างดี แต่ภาษาไทยไม่แตกฉาน ใช้ไวยากรณ์ หรือวางรูปประโยคผิด ก็จะทำให้งานแปลออกมาได้ไม่ตรงกับต้นฉบับ หรือแปลได้ไม่สละสลวย
2. มีความรู้แขนงอื่นด้วย
สิ่งที่ต้องแปลส่วนใหญ่ต้องใช้ความรู้ความเข้าใจในแขนงต่างๆ ประกอบด้วย เช่น สังคม การเมือง วิทยาศาสตร์ วัฒนธรรม เป็นต้น ถ้าผู้แปลไม่มีความรู้ ก็อาจจะทำให้แปลออกมาผิดพลาด จึงต้องหมั่นศึกษาหาความรู้อยู่เสมอ หรือถ้าเจอคำที่ไม่เข้าใจก็ควรค้นหาข้อมูลเพิ่มเติม
3. ในการแปลสามารถแปลได้หลายแบบ
ภาษาไม่มีกฎเกณฑ์ตายตัว ดิ้นได้ตลอดเวลา ดังนั้นรูปแบบประโยค สำนวน การเลือกใช้คำบางอย่างจึงไม่มีผิดไม่มีถูก แต่ก็ต้องแปลได้ใจความตามต้นฉบับและควรรับฟังความคิดเห็นของผู้แปลคนอื่นด้วย
4. ต้องทุ่มเทเวลาและใส่ใจในการแปล
การแปลเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้ผู้คนได้เข้าใจ จึงต้องแปลให้ถูกต้องครบถ้วนตามต้นฉบับ นอกจากนี้ การทำงานแปลเป็นงานที่ต้องใช้เวลาทั้งการอ่าน การศึกษา และการตรวจแก้คำผิด
5. พจนานุกรมยังเป็นสิ่งสำคัญ
แม้ปัจจุบันจะมีพจนานุกรมหรือดิคชันนารี่ออนไลน์มากมาย แต่พจนานุกรมอย่างราชบัณฑิตยสถาน รวมทั้งหนังสือพจนานุกรมภาษาต่างๆ ก็เป็นยังเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อความมีมาตรฐาน ทำให้งานแปลของเราเกิดโอกาสผิดพลาดได้น้อย
6. เข้าใจมุกตลก
บางครั้งความเชี่ยวชาญด้านไวยากรณ์ สำนวนต่างๆ อาจไม่พอ ต้องเข้าใจด้วยว่าผู้เขียนสื่อถึงอะไร เช่น การใช้คำที่ดูเหมือนสะกดผิด บางบริบทอาจเป็นมุกตลกก็ได้ ถ้าพลาดก็จะเข้าใจว่าเป็นการสะกดผิดและการแปลความหมายก็จะคลาดเคลื่อนไป
อาชีพนักแปลภาษามีทั้งนักแปลแบบอิสระ และนักแปลที่ทำงานกับบริษัทรับแปล ซึ่งก็จะมีกระบวนการและขั้นตอนที่แตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับความต้องการความยืดหยุ่นในการทำงาน ทั้งนี้อาชีพนักแปลภาษาสามารถทำเป็นงานเสริมได้ถ้าสามารถบริหารจัดการเวลาได้เป็นอย่างดี
บทความแนะนำ
- อยากเป็นแอร์โฮสเตส/สจ๊วต (Flight Attendant) เริ่มต้นอย่างไรดี?
- อยากเป็นนักแปลภาษา (Translator) เริ่มต้นอย่างไรดี?
- อยากเป็นล่ามแปลภาษา (Interpreter) เริ่มต้นอย่างไรดี?
- อยากเป็นนักเขียนนิยาย (Novelist) เริ่มต้นอย่างไรดี?
- อยากเป็นนักพิสูจน์อักษร (Proof Reader) เริ่มต้นอย่างไรดี?
- อยากเป็นนักพากย์ (Voice Artist) เริ่มต้นอย่างไรดี?