อยากเป็นนักการตลาด (Marketer) เริ่มต้นอย่างไรดี?

ในธุรกิจต่างๆ สิ่งสำคัญก็คือการขาย ดังนั้น “นักการตลาด (Marketer)” จึงเป็นอาชีพที่มีความสำคัญ เปรียบเสมือนคนที่คอยขับเคลื่อนให้บริษัทบรรลุเป้าหมายได้ ใครที่คิดว่าการขายเป็นแค่เรื่องง่ายๆ สามารถทำกันเองก็ได้ การคิดแบบนี้อาจทำให้ธุรกิจไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร เพราะถ้าไม่มีความรู้เรื่องการตลาดดีพอก็จะไม่สามารถประเมินได้ว่าควรทำการตลาดไปในทิศทางไหน ในขณะนักการตลาดมีความสามารถในการวิเคราะห์ภาพรวมคร่าวๆ ของแผนการตลาดได้ รวมถึงทำวิจัยรวบรวมข้อมูลที่จำเป็นเพื่อทำแผนการตลาดจึงมีความละเอียดแม่นยำกว่ามาก

หน้าที่ของนักการตลาด

หน้าที่โดยรวมของนักการตลาด ถ้าให้อธิบายง่ายๆ เบื้องต้นคือ มีหน้าที่ทำความรู้จักลูกค้า ไม่ว่าจะเพศ อายุ อาชีพ ฐานเงินเดือน ไลฟ์สไตล์ เพื่อคิดแผนการตลาดโน้มน้าวใจให้ลูกค้าทำบางอย่างที่ต้องการ เช่น ซื้อสินค้าหรือบริการ สมัครบัตรสมาชิก ดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่น เป็นต้น ซึ่งธุรกิจแต่ละแบบก็มีลักษณะแตกต่างกันไป โดยหน้าที่ของนักการตลาดมีดังนี้

ศึกษาข้อมูลสินค้าหรือบริการของตนเองและคู่แข่งอย่างละเอียด เพื่อนำมาเปรียบเทียบและหาจุดเด่นจุดด้อยของสินค้าตนเอง และจุดไหนที่เราได้เปรียบและสามารถชนะคู่แข่งได้
วิจัยกลุ่มเป้าหมาย ว่ามีลักษณะทางกายภาพ สถานะทางสังคมอย่างไร รวมถึงข้อมูลทางจิตวิทยาด้วย เพื่อให้คาดการณ์เกี่ยวกับการผลิตสินค้าได้
วางแผนการตลาดโดยประชุมร่วมกันกับฝ่ายอื่นๆ
เสนอขออนุมัติจากผู้บริหาร
ดำเนินแผนการตลาดเมื่อได้รับการอนุมัติ โดยใช้สื่อประชาสัมพันธ์และทำกิจกรรมส่งเสริมการขายเพื่อโปรโมทสินค้าหหรือบริการ
ติดตามและประเมินผลหลังจากดำเนินการตามแผนการตลาด จากนั้นสรุปรายงานส่งผู้บริหาร

นอกจากนี้นักการตลาดยังมีหน้าที่ให้คำปรึกษา เพื่อพัฒนาศักยภาพบุคลากรให้สามารถควบคุมคุณภาพผลงานทางการตลาดได้

ข้อควรรู้สำหรับคนที่อยากเป็นนักการตลาด

1. หาความรู้อยู่เสมอ

การตลาดเป็นสิ่งที่อิงกับความเป็นไปของสังคม เหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะด้านเศรษฐกิจ สังคม การเมือง ภัยพิบัติ ก็ส่งผลต่อการผลิตและพฤติกรรมการบริโภค นักการตลาดจึงต้องติดตามข่าวสารทั้งในประเทศและต่างประเทศอยู่เสมอ เพื่อที่จะสามารถนำมาปรับใช้กับแผนการตลาดให้ดีขึ้น ยิ่งมีข้อมูลมาก เราก็ยิ่งได้เปรียบมาก การเอาชนะคู่แข่งก็ไม่ยาก

2. เก่งในการเข้าสังคม

สิ่งที่ขาดไม่ได้เลยคือทักษะในการเข้าสังคม เพราะงานการตลาดนอกจากต้องทำเป็นทีมแล้ว ยังต้องมีการติดต่อสื่อสารกับลูกค้า รวมถึงการพรีเซนท์งานต่างๆ ดังนั้นทักษะการเข้าสังคมจึงจำเป็นมาก รวมทั้งควรเป็นคนที่ชอบสังเกตผู้คน เพื่อที่จะได้รู้ว่าคนแบบไหนชอบอะไร และนำมาปรับใช้กับแผนการตลาดได้

3. มีสายตากว้างไกล

โดยสามารถประเมินภาพรวมคร่าวๆ ของแผนการตลาดได้ เช่น ข้อมูลของกลุ่มเป้าหมาย ผู้ที่ให้ความร่วมมือในแคมเปญ เพราะการประเมินภาพรวมได้จะทำให้รู้ทิศทางในการวางแผนได้ดีขึ้น รวมทั้งต้องรู้ว่าจะทำอย่างไรในการได้ข้อมูลที่ต้องการ

4. ทักษะการคำนวณก็สำคัญ

นอกจากเรื่องกลยุทธ์การตลาดแล้ว นักการตลาดต้องระบุได้ว่าแผนการตลาดที่ทำจะได้ผลตอบแทนอย่างไร เช่น ROI (Return on Investment) เท่าไหร่ หรือกำไรเท่าไหร่ ทั้งนี้การทำวิจัยการตลาดเชิงปริมาณก็ต้องใช้ความรู้ด้านคณิตศาสตร์ด้วย

5. มีความคิดสร้างสรรค์

เรื่องความคิดสร้างสรรค์ไม่ใช่เรื่องของนักออกแบบโฆษณาเท่านั้น แต่นักการตลาดก็จำเป็นต้องมีความสร้างสรรค์ เพื่อให้วางแผนการตลาดได้มีความแปลกใหม่ ซึ่งการจะทำได้ดีนั้นต้องมีการอัพเดตข้อมูลข่าวสารต่างๆ อยู่เสมอ เพราะจะได้ดึงสิ่งที่อยู่ในกระแสมาเป็นส่วนหนึ่งของการตลาดได้

6. มีทัศนคติที่ดี

ในบางครั้งผลลัพธ์อาจไม่เป็นไปตามที่วางเป้าหมายไว้ แต่นักการตลาดก็ต้องมีทัศนคติที่ดี มีความคิดเชิงบวก เพื่อไม่ให้ย่อท้อต่ออุปสรรคและความล้มเหลว และควรนำงานที่ล้มเหลวมาวิเคราะห์ดูว่าล้มเหลวเพราะอะไร อะไรเป็นจุดเด่นและจุดด้อย เพื่อนำมาปรับปรุงและพัฒนาในงานครั้งต่อๆ ไป

7. มีความน่าเชื่อถือ

นักการตลาดเป็นเหมือนหัวใจของทีม ทั้งยังมีหน้าที่เสนอแผนการตลาดกับผู้บริหาร ดังนั้นนอกจากมีความรู้แล้ว ควรทำบุคลิกให้น่าเชื่อถือ ทั้งวิธีการพูด การแต่งตัว และถ้าทำสิ่งใดผิดพลาดต้องรีบแก้ไขข้อผิดพลาดเพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบในภายภาคหน้า

จากที่กล่าวมาข้างต้น จะเห็นได้ว่านักการตลาดเป็นอาชีพที่มีความสำคัญในองค์กรมาก หากขาดนักการตลาดไปก็อาจทำให้ยอดขายเป็นไปตามเป้าหมายได้ยาก ขณะเดียวกันนักการตลาดเองก็ต้องหมั่นฝึกฝนและหาความรู้ให้ตนเองอยู่เสมอ เพราะไม่อย่างนั้นก็จะตามทิศทางของตลาดไม่ทัน และวางแผนการตลาดที่ดีไม่ได้