แอร์โฮสเตสและสจ๊วตหรือพนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน ซึ่งมีหน้าที่ต้อนรับ คอยให้คำแนะนำระหว่างเดินทาง และคอยดูแลผู้โดยสาร อาชีพนี้เป็นที่ใฝ่ฝันของใครหลายคน ถ้าไปถามเด็กๆ ว่า “โตขึ้นอยากเป็นอะไร” ต้องมีอาชีพนี้เป็น 1 ในคำตอบแน่นอน เพราะมีภาพลักษณ์ที่ดูดี มีสง่าราศี ต้องใช้ความรู้ความสามารถมาก ทั้งในด้านภาษา การบริการ บุคลิกภาพ และยังมีสิทธิพิเศษในการบินไปเที่ยวในสถานที่ต่างๆ ทำให้ยิ่งดูเป็นงานที่น่าสนใจ แต่การคัดเลือกแอร์โฮสเตสและสจ๊วตของแต่ละสายการบินนั้นค่อนข้างเข้มงวดมากทีเดียว
หน้าที่ของแอร์โฮสเตส/สจ๊วต
แอร์โฮสเตส/สจ๊วต หรือพนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน (Flight Attendant) มีหน้าที่ต้อนรับผู้โดยสาร ให้บริการทั้งด้านความปลอดและการอำนวยความสะดวกต่างๆ ที่สำคัญคือดูแลเรื่องความปลอดภัยบนเครื่องบินโดยการตรวจเช็คอุปกรณ์เกี่ยวกับความปลอดภัยในห้องผู้โดยสารให้พร้อมใช้งานได้ตลอดเวลา
แอร์โฮสสเตสและสจ๊วตต้องสาธิตการใช้อุปกรณ์ช่วยเหลือ แจ้งข้อมูลที่จำเป็นในการเดินทาง คอยให้บริการด้านอาหารและเครื่องดื่ม และต้องช่วยเหลือผู้โดยสารกรณีเกิดเหตุฉุกเฉิน เช่น ปฐมพยาบาลผู้โดยสารที่เจ็บป่วย เป็นต้น โดยดูแลความเรียบร้อยภายในห้องผู้โดยสารตั้งแต่ก่อนขึ้นเครื่องกระทั่งหลังจากผู้โดยสารลงจากเครื่องหมดแล้ว ถือได้ว่าเป็นอาชีพที่ต้องใช้ความรู้ความสามารถในหลายด้านเลยทีเดียว
ข้อควรรู้สำหรับคนที่อยากเป็นแอร์โฮสเตส/สจ๊วต
1. ความสูง
ข้อนี้อาจเป็นประเด็นใหญ่สำหรับใครหลายๆ คน โดยเฉพาะคนที่มีความสูงไม่ถึงเกณฑ์ทั่วไปที่สายการบินรับ คือ ชายต้องสูง 170 ซม.ขึ้นไป ส่วนผู้หญิงต้องสูง 160 ซม.ขึ้นไป ทำให้หลายคนที่ฝันอยากเป็นแอร์โฮสเตสหรือสจ๊วตเมื่อเห็นว่าความสูงของตนเองไม่ถึงเกณฑ์ก็ล้มเลิกความตั้งใจไปโดยง่าย แต่ความจริงแล้วมาตรฐานของสายการบินมีความแตกต่างกันไป โดยผู้หญิงที่มีความสูง 156 ซม. และชายที่มีส่วนสูง 165 ซม. สามารถสมัครแอร์โฮสเตสหรือสจ๊วตได้
ส่วนสายการบินตะวันออกกลาง จะใช้เกณฑ์การวัดที่แตกต่างจากสายการบินอื่น คือ วัดความสูงที่เราเอื้อมแตะขีดบนผนัง ถ้ามีเทคนิคในการเอื้อมดีๆ และแตะความสูงประมาณ 210 ซม. ก็สามารถสมัครเป็นแอร์โฮสสเตสหรือสจ๊วตได้
2. วุฒิการศึกษา
ต้องจบปริญญาตรีเป็นอย่างน้อย โดยจะจบสาขาใดก็ได้ เพราะจะเน้นความสามารถในการรับมือสถานการณ์เฉพาะหน้า การสื่อสาร และภาษามากกว่า
3. อายุ
ค่าเฉลี่ยโดยทั่วไป ผู้หญิงต้องมีอายุ 21-26 ปี ส่วนผู้ชายต้องมีอายุ 21-28 ปี แต่ถ้าอายุมากกว่านี้ สายการบินส่วนใหญ่ที่รับโดยไม่จำกัดอายุคือสายการบินตะวันออกกลาง
4. โรคประจำตัว
โรคที่สายการบินมักจะไม่รับเป็นแอร์โฮสเตสและสจ๊วต คือ โรคที่เสี่ยงต่อการทำงานในพื้นที่ที่มีแรงกดอากาศผิดปกติ เช่น พาหะธาลัสซีเมีย, โรคหอบหืด และโรคหัวใจ เป็นต้น และโรคติดต่อ เช่น ไวรัสตับอักเสบ HIV รวมไปถึงความบกพร่องที่เกี่ยวกับสรีระร่างกาย เช่น กระดูกสันหลังคด
5. แผลเป็นและรอยสัก
สายการบินจะมีข้อห้ามในเรื่องรอยสักบริเวณที่มองเห็นชัด รวมถึงเรื่องแผลเป็น หลุมสิว จะมีการเช็คอย่างละเอียดอีกด้วย เพราะถือว่าแอร์โฮสเตสและสจ๊วตเป็นหน้าตาของสายการบิน
6. ภาษา
ส่วนใหญ่แล้วต้องมีคะแนนการทดสอบวัดระดับความรู้ทางภาษาอังกฤษ TOEIC อย่างต่ำ 600 และต้องมีความสามารถในการสื่อสารภาษาอังกฤษได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสายการบินด้วยว่าเกณฑ์การประเมินยากง่ายแค่ไหน
7. บุคลิก
อีกสิ่งสำคัญมากในการเป็นแอร์โฮสเตสและสจ๊วตคือบุคลิกภาพ เช่น การพูดจา การยิ้มแย้ม ลักษณะการเดิน การควบคุมสีหน้า การควบคุมอารมณ์ เพราะต้องคอยต้อนรับผู้โดยสารที่มีหลากหลายนั่นเอง
8. เวลาการทำงาน
การทำงานของแอร์โฮสเตสและสจ๊วตขึ้นอยู่กับตารางการบินที่สายการบินออกมาให้ มีทั้งไฟลท์ค้างคืนและไฟลท์ไปกลับ โดยอาจมีความไม่แน่นอน และอาจมีบางวันที่ต้องบินไปกลับสองรอบในวันเดียวกัน
จะเห็นได้ว่าการจะเป็นแอร์โฮสเตสหรือสจ๊วตได้นั้นต้องมีคุณสมบัติหลายอย่างผ่านเกณฑ์ที่สายการบินกำหนด ซึ่งต้องผ่านการสั่งสมประสบการณ์ การฝึกฝนและความพยายาม และในส่วนที่ไม่สามารถแก้ไขเปลี่ยนแปลงได้ เช่น ความสูง อายุ ก็จำเป็นต้องหาสายการบินที่มีความยืดหยุ่นในเรื่องนี้เพื่อให้เหมาะสมกับเราที่สุด
บทความแนะนำ
- รายได้แบบ Active Income และ Passive Income คืออะไร?
- วิธีการลงทุนและหารายได้เสริมสำหรับมนุษย์เงินเดือนที่สามารถทำได้จริง!
- อยากเป็นนักเขียนนิยาย (Novelist) เริ่มต้นอย่างไรดี?
- อยากเป็นนักแปลภาษา (Translator) เริ่มต้นอย่างไรดี?
- อยากเป็นนักการตลาด (Marketer) เริ่มต้นอย่างไรดี?
- อยากเป็นแอร์โฮสเตส/สจ๊วต (Flight Attendant) เริ่มต้นอย่างไรดี?