ปัจจุบัน ถ้าถามเด็กๆ ตอนนี้ว่าโตขึ้นอยากเป็นอะไร คำตอบส่วนใหญ่คงไม่ใช่ แพทย์ ทหาร วิศวะ พยาบาล แบบแต่ก่อนแล้ว แต่คงมีอาชีพ “บล็อกเกอร์ (Blogger)” เป็นคำตอบจากเด็กๆ หลายคนแน่นอน เพราะบล็อกเกอร์เป็นอาชีพที่ได้เป็นนายตัวเอง ไม่ต้องอยู่ใต้คำสั่งของใคร สามารถสร้างรายได้จริงและดูน่าสนุก ได้ทำในสิ่งที่อยากทำ และได้บริหารจัดการเวลาด้วยตนเองอีกด้วย
บล็อกเกอร์ (Blogger) คืออะไร?
บล็อก (Blog) คือ เว็บไซต์รูปแบบหนึ่งที่ผู้ใช้งานสามารถเขียนเรื่องราวที่ต้องการลงไปได้ ไม่ว่าจะบทความ หรือจดบันทึกประจำวัน บันทึกการไปเที่ยว เพื่อเป็นความทรงจำ โดยบล็อกไม่เพียงแต่ใส่ตัวอักษรได้เท่านั้น ยังสามารถแนบภาพ คลิป ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง และจัดแต่งตัวอักษรให้ดูน่าสนใจ เช่น ตัวหนา ตัวเอียง ขีดเส้นใต้ ใส่สี ซึ่งบล็อกจะมีการจัดเรียงเรื่องที่โพสต์ไว้ตามลำดับ เรื่องที่ใหม่ที่สุดจะอยู่ด้านบนสุด และไล่ลำดับความเก่าลงมา มีวันที่เขียนกำกับไว้
บล็อกเกอร์ (Blogger) จึงเป็นผู้ใช้บล็อกเพื่อเขียนบันทึกความทรงจำหรือบทความต่างๆ ในปัจจุบัน บล็อกเกอร์มีจำนวนมากขึ้น และบล็อกเกอร์จำนวนหนึ่งได้ใช้บล็อกเพื่อเขียนรีวิวสิ่งต่างๆ รวมถึงให้ความรู้กับผู้ติดตาม บล็อกเกอร์จึงมีความหมายที่เปลี่ยนไป โดยเป็นนักเขียนบทความบนโลกออนไลน์ ที่ไม่ใช่เพียงบันทึกความทรงจำส่วนตัวเท่านั้น
สำหรับการเขียนบล็อกนั้น ก็สามารถใช้บริการบล็อกฟรี เช่น Blogger.com, Medium.com หรือจะสร้างบล็อกขึ้นมาเองก็ได้ ซึ่งที่นิยมก็คือการใช้ WordPress ในการทำเว็บ นอกจากนี้ก็ยังมีช่องทางสำคัญที่ใช้ในการเผยแพร่บทความก็คือโซเชียลมีเดียต่างๆ เช่น Facebook, Twitter รวมถึงการทำ SEO (Search Engine Optimization) เพื่อให้ผู้ใช้ค้นหาบทความในบล็อกเจอผ่านทางเครื่องมือค้นหาอย่าง Google อีกด้วย
สายบล็อกเกอร์ (Blogger) ที่ได้รับความนิยม
แนวทางการทำบล็อกนั้นมีหลากหลายตามความสนใจ ซึ่งขอยกตัวอย่างสายบล็อกเกอร์ที่กำลังเป็นที่นิยมพร้อมแนวทางการทำคอนเทนต์ดังนี้
1. สายท่องเที่ยว
บล็อกเกอร์สายท่องเที่ยว เรียกอีกชื่อว่า ทราเวลบล็อกเกอร์ (Travel Blogger) การจะเป็นบล็อกเกอร์สายท่องเที่ยวนั้นก่อนอื่นต้องมีใจรักในการท่องเที่ยว นอกจากนี้ยังควรเป็นคนที่สนใจศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับสถานที่ที่กำลังจะไป ไม่ว่าจะเป็นแลนด์มาร์กสำคัญหรือสถานที่ที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ เพราะจะทำให้สามารถเล่าเรื่องได้น่าติดตามกว่าบล็อกเกอร์คนอื่นๆ และ การพูดคุยสื่อสารกับชาวบ้านท้องถิ่นก็จะทำให้ได้เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยหรือข้อมูลที่คนทั่วไปไม่รู้ รวมถึงการตระเวนสำรวจสถานที่แปลกๆ ก็ยิ่งน่าสนใจเพราะคนอ่านหรือคนดูจะรู้สึกว่าได้รู้สิ่งใหม่ๆ ที่น่าสนใจ และแตกต่างจากบล็อกของคนอื่น ซึ่งทักษะอีกอย่างที่สำคัญนอกจากการพูดคุยเก่งและชอบการท่องเที่ยวก็คือภาษาอังกฤษ เพราะจะทำให้การท่องเที่ยวต่างประเทศสะดวกสบายไม่มีสะดุด และทำให้คลิปของเราน่าสนใจมากขึ้น
2. สายกิน
การเป็นบล็อกเกอร์สายกินนั้นไม่เพียงอาศัยความชอบกิน หรือการมีรีแอคชั่นต่อของกินที่ชัดเจนจนทำให้คนดูรู้สึกหิวตามไปด้วยเท่านั้น แต่ควรมีความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับวัตถุดิบอาหารแต่ละประเภท ยิ่งรู้ประวัติศาสตร์ความเป็นมาของอาหารแต่ละอย่างได้ยิ่งดี เพราะเวลาทำบล็อกจะสามารถเล่าเกร็ดความรู้ที่น่าสนใจของอาหารที่กินได้ รวมถึงต้องเป็นคนที่ชอบตระเวนกินตามร้านอาหารต่างๆ ทั้งร้านเล็กร้านใหญ่ เรียกได้ว่าต้องขวนขวายดั้นด้นที่จะไปกินไม่ว่าจะใกล้หรือไกลนั่นเอง
3. สายบิวตี้
บิวตี้บล็อกเกอร์ (Beauty Blogger) ไม่จำเป็นต้องมีหน้าตาที่สวยระดับดารา เพราะไม่ว่าจะมีหน้าตาแบบไหน หุ่น สีผิว เป็นอย่างไร ก็สามารถเป็นได้ เพียงแต่ต้องรู้จักว่ารูปร่างหน้าตาของตนเองมีเอกลักษณ์อย่างไร เหมาะกับการแต่งตัวแบบไหน หรือผิหมาะกับเครื่องสำอางแบบไหน ทั้งเฉดสีผิว ลักษณะผิว โครงหน้า เพราะมีผลต่อการแต่งหน้ามาก และยังสามารถสร้างเอกลักษณ์ของเราได้อีกด้วย เช่น เป็นสาวอวบ ผิวแทน ก็สามารถทำคอนเทนต์แนวแต่งตัวแบบสาวอวบ หรือแนะนำเฉดสีเครื่องสำอางสำหรับสาวผิวแทน เป็นต้น
สิ่งสำคัญลำดับถัดมาคือต้องมีความรู้พื้นฐานในด้านเคมีในเครื่องสำอาง เพราะจะได้รู้ข้อมูลอย่างละเอียดว่าสารแต่ละตัวมีผลกับผิวอย่างไร ไม่ว่าจะเป็นสกินแคร์หรือเครื่องสำอาง เวลารีวิวจะได้อธิบายให้เข้าใจได้ง่าย ทำให้ดูเป็นมืออาชีพ และอย่างสุดท้ายคือการถ่ายรูป ทั้งรูปของผลิตภัณฑ์ที่ใช้และรูปของตนเองให้ออกมาสวยงาม มีสไตล์ของตนเอง
4. สายการลงทุน
บล็อกเกอร์สายการลงทุนนั้นต้องมีความรู้ความเชี่ยวชาญในด้านการลงทุนเป็นอย่างดี และต้องมีความรู้พื้นฐานในด้านอื่นด้วย เช่น เศรษฐกิจ สังคม การเมือง เทคโนโลยี เป็นต้น เพราะทุกอย่างส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงด้านการเงิน ไม่ว่าจะหุ้น กองทุนรวม ภาษี สินทรัพย์ดิจิทัลต่างๆ และที่สำคัญคือต้องรู้วิธีการเล่าออกมาให้น่าสนใจ เพราะความรู้เรื่องการลงทุนเป็นสิ่งที่ต้องอาศัยเวลาทำความเข้าใจ การจะเขียนบล็อกจึงต้องเขียนออกมาให้ย่อยง่าย ดังนั้นควรศึกษาวิธีเขียนคอนเทนต์ให้มาก
5. สายไอที
บล็อกเกอร์สายไอทีนั้นต้องหมั่นติดตามอัพเดตข่าวสารใหม่ๆ เกี่ยวกับแวดวงเทคโนโลยีอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องซอฟต์แวร์ ฮาร์ดแวร์ แก็ดเจ็ตใหม่ๆ เพราะเทคโนโลยีเป็นสิ่งที่มาไวไปไว และเพื่อให้บล็อกน่าสนใจมากกว่าการเล่าข่าวเกี่ยวกับเทคโนโลยี หรือการรีวิวทั่วๆ ไป ควรมีการวิเคราะห์ถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากเทคโนโลยีที่เกิดขึ้น หรือเปรียบเทียบกับเทคโนโลยีในอดีตเพื่อให้เห็นข้อแตกต่าง สิ่งที่พัฒนาขึ้น และควรศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับดิจิทัลมาร์เก็ตติ้งเพื่อมาปรับใช้กับบล็อกของตัวเองให้มีการนำเสนอที่น่าสนใจ เท่านี้ก็จะได้เปรียบบล็อกเกอร์คนอื่นๆ มาก
ข้อควรรู้สำหรับคนที่อยากเป็นบล็อกเกอร์ (Blogger)
1. มีคนจำนวนน้อยที่ประสบความสำเร็จ
คนจำนวนไม่น้อยฝันอยากเป็นบล็อกเกอร์ที่สามารถสร้างรายได้เลี้ยงชีพได้ เพราะเป็นงานที่สามารถอยู่กับสิ่งที่ตนเองชอบ ดูน่าสนุก แต่คนจำนวนน้อยเท่านั้นที่ประสบความสำเร็จด้วยปัจจัยหลายๆ อย่าง เช่น ไม่มีเวลา ไม่มีเงินทุน หรือไม่มีความอดทนมากพอที่จะสร้างฐานคนดู แต่ถ้าไม่มีปัญหาเหล่านี้ก็อาจเพราะไม่รู้จุดบกพร่องของตนเอง เช่น เล่าเรื่องไม่น่าสนใจแล้วไม่รู้จะแก้ไขยังไง ก็อาจทำให้ล้มเหลวในที่สุด
วิธีแก้ไขคือควรศึกษาจากบล็อกเกอร์ที่ประสบความสำเร็จหลายๆ คนว่าเขาทำกันอย่างไร ลองนำข้อดีของเขามาปรับใช้ให้เป็นสไตล์ของตนเอง และเช็คลิสต์จุดเด่นจุดด้อยของตนเอง รวมถึงต้องตอบให้ได้ว่าจะเล่าอะไร เล่าอย่างไร และเล่าให้ใครฟัง ที่สำคัญต้องมีความอดทนในการรอคอย เพราะยอดคนดู ยอดผู้ติดตาม ไม่ใช่สิ่งที่จะได้มาจำนวนมากในระยะเวลาอันสั้น
2. อัพเดตข่าวสารอยู่เสมอ
การเป็นบล็อกเกอร์ใช่ว่าจะพูดถึงแต่เรื่องราวที่ตนเองสนใจเท่านั้น แต่ต้องอัพเดตข่าวสารต่างๆ อยู่เสมอด้วย เพื่อให้สามารถเลือกคอนเทนต์ที่เข้ากับเทรนด์ในขณะๆ นั้นได้ รวมถึงคำพูดหรือประโยคฮิตบางอย่าง ถ้าเอามาใช้ตั้งชื่อเรื่องก็จะดึงดูดความสนใจของคนอ่านมากขึ้น
3. สร้างเอกลักษณ์ของตนเอง
เนื่องจากเทคโนโลยีที่พัฒนามากขึ้น ไม่ว่าจะอินเทอร์เน็ต อุปกรณ์ต่างๆ ในการเข้าถึงอินเทอร์เน็ต ทั้งโน้ตบุ๊ก มือถือ แท็บเล็ต มีมากขึ้น เข้าถึงง่ายขึ้น บล็อกเกอร์จึงมีจำนวนมากขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า แต่อย่างที่กล่าวไปในข้อแรกว่าคนที่ประสบความสำเร็จนั้นมีน้อย ดังนั้นนอกจากคอนเทนต์ที่ดีแล้ว ควรมีเอกลักษณ์ของตัวเองด้วย เช่น บล็อกเกอร์สายกินก็อาจสร้างเอกลักษณ์จากความชอบกินเผ็ดของตัวเอง ตระเวนกินเผ็ดแล้วรีวิว เป็นต้น
4. สร้างช่องทางทำเงิน
บล็อกเกอร์หลายๆ คนเมื่อทำบล็อกไปสักพักก็มีคนติดตามจำนวนหนึ่ง ซึ่งยอดผู้ติดตามมีส่วนที่ใช้สร้างรายได้ได้ มีช่องทางดังนี้
- สปอนเซอร์
เมื่อมีผู้ติดตามมากพอ ถ้าแบรนด์หรือเอเจนซี่สนใจก็จะติดต่อเข้ามาให้ทำคอนเทนต์เกี่ยวกับสินค้าในสไตล์ของเราเอง มีทั้งรูปแบบการเขียน วิดีโอ และภาพ หรืออาจจะให้คอนเทต์มาแล้วให้เราช่วยโปรโมทผ่านบล็อกหรือช่องทางโซเชียลของเรา ก็ขึ้นอยู่กับการตกลง - ติดแบนเนอร์
ข้อนี้เป็นการใช้เว็บบล็อกของเราให้เป็นประโยชน์ เพราะสามารถให้แบรนด์ต่างๆ เช่าพื้นที่บนเว็บบล็อกของเราได้ โดยยิ่ง Traffic หรือยอดผู้เข้าชมในเว็บบล็อกของเรามีมาก ก็สามารถกำหนดเรทราคาให้สูงขึ้นตามไปด้วยได้ รวมถึงขนาดพื้นที่ก็มีราคาแตกต่างกันด้วย นอกจากนี้เราก็ยังสามารถสมัคร Google AdSense ซึ่งเป็นโปรแกรมที่เราสามารถนำโฆษณาจาก Google มาติดในเว็บบล็อกของเราได้ - แอฟฟิลิเอท (Affiliate)
วิธีนี้คล้ายสปอนเซอร์ แต่แตกต่างกันที่มีการวัดผลผ่านจำนวนที่คนดูหรือคนอ่านคลิกลิงค์เข้าไปซื้อสินค้าจากในบทความหรือในโพสบนโซเชียลมีเดียแล้วได้ค่าตอบแทนเป็นแบบคอมมิสชั่น (อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Affiliate) ซึ่งวิธีนี้ค่อนข้างที่จะยากเพราะคนส่วนใหญ่ยังไม่ตัดสินใจซื้อทันที ดังนั้นควรศึกษาเกี่ยวกับ Customer Journey ด้วย เพื่อสร้างคอนเทนต์ที่จูงใจคนมากขึ้น - รับจ้างทำคอนเทนต์
เมื่อเราเป็นบล็อกเกอร์ที่มีคนรู้จัก ก็จะเริ่มมีคนสนใจใช้บริการทำคอนเทนต์ของเรา เพราะเห็นจากตัวอย่างงานเราเองว่ามีสไตล์อย่างไร และได้ผลลัพธ์อย่างไร ซึ่งเราก็สามารถหารายได้เพิ่มโดยรับเขียนรีวิว รับทำวิดีโอ เว็บไซต์ เป็นต้น
- ขายสินค้าของตัวเอง
บล็อกถือเป็นพื้นที่ของเราอยู่แล้ว เมื่อมีคนติดตามจำนวนหนึ่ง ก็สามารถใช้บล็อกเพื่อโปรโมทสินค้าหรือบริการของตัวเองได้เลย แต่ก็ต้องดูด้วยว่าสินค้าหรือบริการของเรามีกลุ่มเป้าหมายตรงกับผู้ติดตามของเราหรือไม่
แม้การเป็นบล็อกเกอร์เพื่อสร้างรายได้จะเป็นเป้าหมายของใครหลายๆ คน แต่ก็อย่าห่วงแต่เรื่องเงินอย่างเดียว เพราะการทำบล็อกให้คนอยากติดตามนั้นต้องมีใจรัก มีความทุ่มเทกับงานที่ทำ เพราะคนอ่านหรือคนดูสามารถดูออกผ่านคอนเทนต์ ถ้าเรายัดเยียดขายมากเกินไปก็จะทำให้คนเลิกติดตามไปในที่สุด
บทความแนะนำ
- รายได้แบบ Active Income และ Passive Income คืออะไร?
- วิธีการลงทุนและหารายได้เสริมสำหรับมนุษย์เงินเดือนที่สามารถทำได้จริง!
- อยากเป็นอินฟลูเอนเซอร์ (Influencer) เริ่มต้นอย่างไรดี?
- อยากเป็นบล็อกเกอร์ (Blogger) เริ่มต้นอย่างไรดี?
- อยากเป็นยูทูบเบอร์ (YouTuber) เริ่มต้นอย่างไรดี?
- อยากเป็นนักแคสท์เกม (Game Caster) เริ่มต้นอย่างไรดี?
- อยากเป็นนักเขียนนิยาย (Novelist) เริ่มต้นอย่างไรดี?
- อยากเป็นนักวาดการ์ตูน (Cartoonist) เริ่มต้นอย่างไรดี?
- อยากขายภาพออนไลน์ (Stock Photo) เริ่มต้นอย่างไรดี?