การเล่นหุ้น เป็นการลงทุนแบบหนึ่งที่ได้รับความนิยม เพราะยิ่งการลงทุนมีความเสี่ยงมาก ก็ยิ่งมีโอกาสได้ผลตอบแทนมาก แต่การลงทุนเล่นหุ้นจะคุ้มหรือไม่นั้น ส่วนหนึ่งขึ้นอยู่กับความสามารถและประสบการณ์ในการวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อเลือกวางแผนลงทุนได้อย่างเหมาะสม เราจึงควรศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับหุ้นให้ดีว่าคืออะไร มีกี่ประเภท และถ้าจะเริ่มต้นเล่นหุ้น ควรเริ่มต้นอย่างไร
หุ้น (Stock) คืออะไร?
หุ้น (Stock) เป็นตราสารที่กิจการออกให้แก่ผู้ถือเพื่อระดมเงินทุนไปใช้ในกิจการ ส่วนผู้ถือหุ้นก็จะมีส่วนได้ส่วนเสียหรือสิทธิในทรัพย์สินและรายได้ของกิจการ หากอธิบายตามกลไกการทำงานของหุ้นให้เข้าใจง่ายๆ ก็คือ เจ้าของกิจการที่ต้องการขยายกิจการจะขายหุ้นให้กับนักลงทุน แล้วนำเงินไปขยายกิจการ เมื่อได้กำไรมา นักลงทุนก็จะได้สิ่งตอบแทนเป็นเงินปันผลนั่นเอง ซึ่งหากกิจการมีผลการดำเนินงานที่ดี ราคาหุ้นเติบโต นักลงทุนที่ถือหุ้นก็จะได้กำไรจากส่วนต่างของราคาด้วย
อย่างไรก็ตาม ผลตอบแทนจากการลงทุนในหุ้นนั้นไม่ค่อยแน่นอน เพราะราคาของหุ้นขึ้นอยู่กับผลการดำเนินงานของกิจการ รวมถึงปัจจัยทางด้านเศรษฐกิจ หากมีปัญหากิจการอาจถึงขั้นล้มละลาย ผู้ถือหุ้นจะได้รับเงินลงทุนคืนก็ต่อเมื่อกิจการจ่ายภาระผูกพันแก่เจ้าหนี้และผู้ถือหุ้นบุริมสิทธิเรียบร้อยแล้ว
ประเภทของหุ้น
หุ้นทุนของบริษัทสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท ดังนี้
1. หุ้นสามัญ (Common Stock)
ผู้ถือหุ้นสามัญ มีสิทธิร่วมเป็นเจ้าของบริษัทประเภทบริษัทจำกัด กล่าวคือมีสิทธิออกเสียงลงมติในที่ประชุมผู้ถือหุ้นตามสัดส่วนหุ้นที่ถือครองอยู่ คือ 1 หุ้น ต่อ 1 เสียง โดยร่วมตัดสินใจปัญหาสำคัญ เช่น การเพิ่มทุน การจ่ายปันผล การควบรวมกิจการ เป็นต้น ผู้ถือหุ้นสามัญมีสิทธิได้รับเงินปันผลเมื่อบริษัทมีผลกำไร และมีโอกาสได้รับกำไรจากส่วนต่างของราคา ทั้งยังมีสิทธิในการจองซื้อหุ้นออกใหม่ของบริษัทด้วย
ในกรณีที่บริษัทล้มละลาย ผู้ถือหุ้นสามัญจะได้เงินคืนหลังจากบริษัทชำระหนี้ให้ผู้ถือหุ้นบุริมสิทธิ์แล้วเท่านั้น
2. หุ้นบริมสนธิ (Preferred Stock)
ผู้ถือหุ้นบริมสนธิ แตกต่างจากผู้ถือหุ้นสามัญคือ ไม่มีสิทธิออกเสียงลงมติในที่ประชุมผู้ถือหุ้น แต่จะได้รับเงินปันผลในอัตราคงที่ ทั้งนี้หากบริษัทเลิกกิจการ ผู้ถือหุ้นบุริมสิทธิ์ก็จะได้รับเงินคืนทุนก่อนผู้ถือหุ้นสามัญ โดยหุ้นบริมสนธิ มี 3 ชนิด ดังนี้
- หุ้นบุริมสิทธิ์ชนิดสะสม หมายถึง ถ้ากิจการไม่มีกำไรเพียงพอจะปันผล ก็จะสะสมเงินปันผลไว้ในปีต่อไป
- หุ้นบุริมสิทธิ์ชนิดไม่สะสม หมายถึง ไม่มีสิทธิ์ในการสะสมไปจ่ายในปีต่อไป
- หุ้นบุริมสิทธิ์ชนิดร่วมรับ หมายถึง สามารถรับเงินปันผลพร้อมหุ้นสามัญอีกได้
ดัชนีราคาหุ้น (SET Index) คืออะไร?
SET Index เป็นคำที่พบบ่อยสำหรับการเล่นหุ้น คำนี้มาจาก ดัชนีราคาหุ้นตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือที่เรียกกันสั้นๆ ว่า “ดัชนีหุ้น” หรือ “ดัชนีราคาหุ้น” ซึ่งก็คือ ดัชนีที่สะท้อนการเคลื่อนไหวของราคาหลักทรัพย์ทั้งหมด โดยคำนวณจากหุ้นสามัญจดทะเบียนทุกตัวในตลาดหลักทรัพย์ของประเทศไทย ด้วยการเปรียบเทียบมูลค่าตลาดในวันปัจจุบัน กับมูลค่าตลาดหลักทรัพย์ในวันฐานของหลักทรัพย์ คือ วันที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2518 ซึ่งดัชนีมีค่าเริ่มต้นที่ 100 จุด มีสูตรการคำนวณดังนี้
SET Index = (มูลค่าตลาดรวมวันปัจจุบัน (Current Market Value) x 100) ÷ มูลค่าตลาดรวมวันฐาน (Base Market Value)
SET Index มีหน่วยเป็นจุด ยกตัวอย่างเช่น SET ปิดที่ระดับ 1,600 จุด เพิ่มขึ้น 1.75 จุด ถือเป็นสิ่งสำคัญที่ชี้ให้เห็นว่าสภาพตลาดกำลังเป็นเช่นไร ซึ่งปัจจัยในการปรับขึ้นปรับลงในแต่ละวันนั้นมีหลายสาเหตุ ทั้งนี้ SET Index เป็นดัชนีของตลาดรวม ไม่ได้หมายความว่าหุ้นตัวที่เราถืออยู่จะปรับขึ้นลงตามทิศทางของตลาดเสมอไป
เริ่มต้นเล่นหุ้นอย่างไรดี?
การเริ่มต้นเล่นหุ้นสำหรับมือใหม่นั้น ถ้าตอบในเชิงปฏิบัติ ก็เพียงแค่ต้องเปิดบัญชีหุ้นกับโบรกเกอร์ หรือที่เราเรียกกันว่า “เปิดพอร์ต” ส่วนโบรกเกอร์ก็คือ บริษัทหลักทรัพย์ที่ทำหน้าที่เป็นตัวแทนในการซื้อขายหุ้นให้ผู้ลงทุนนั่นเอง แต่ในความเป็นจริง การเริ่มต้นเล่นหุ้นมีสิ่งให้พิจารณาเยอะกว่าที่คิด ที่แน่นอนคือต้องศึกษาให้รอบคอบ โดยเราจะแนะนำดังนี้
1. กำหนดเป้าหมายและระยะเวลาการลงทุนให้ชัดเจน
ผู้ลงทุนแต่ละคนมีความต้องการ และความสามารถในการรับมือกับความเสี่ยงที่แตกต่างกัน จึงควรกำหนดเป้าหมายในการลงทุน รวมถึงระยะเวลาให้ชัดเจน
2. ศึกษาและวิเคราะห์ข้อมูลเริ่มต้น
ก่อนจะเจาะจงเลือกหุ้นสักตัว ควรดูภาพรวมของเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมต่างๆ ว่าจะมีแนวโน้มไปในทิศทางไหน จากนั้นจึงค่อยเจาะจงเลือกบริษัท แล้วดูปัจจัยต่างๆ ของบริษัทนั้น เช่น รูปแบบการดำเนินงาน ศักยภาพในการทำกำไร และแนวโน้มการเติบโตของบริษัทในอนาคต
3. ประเมินมูลค่าที่แท้จริง แล้ววางแผนซื้อขายในจังหวะที่เหมาะสม
การดูว่าหุ้นนั้นคุ้มค่าที่จะซื้อหรือไม่ โดยดูมูลค่าที่แท้จริงของหุ้นและราคาตลาด ณ ปัจจุบัน ซึ่งปัจจัยที่เป็นตัวกำหนดมูลค่าที่แท้จริงคือ “ผลตอบแทนที่คาดว่าจะได้รับ“ และ “ความเสี่ยงที่จะต้องเผชิญจากการลงทุน“ จากนั้นจึงนำมูลค่าที่แท้จริงของหุ้นไปเปรียบเทียบกับราคาตลาด และมีหลักการซื้อขายดังนี้
- ถ้าหาก มูลค่าที่แท้จริง < ราคาตลาด ณ ปัจจุบัน “ควรซื้อ”
- ถ้าหาก มูลค่าที่แท้จริง > ราคาตลาด ณ ปัจจุบัน “ควรขาย”
นอกจากนี้แล้ว ยังต้องอาศัยข้อมูลของราคาหุ้นในอดีต รวมถึงวิเคราะห์ทิศทางราคาของหุ้นในอนาคต โดยอาจใช้เครื่องมือวิเคราะห์เข้ามาช่วย เพื่อวางแผนการซื้อขายหุ้นได้อย่างเหมาะสม
4. ตัดสินใจซื้อ – ขายหุ้น
เมื่อศึกษาวิเคราะห์ภาพรวมการลงทุนมาอย่างดีแล้ว ก็ถึงเวลาเปิดบัญชีหุ้น ซึ่งต้องเลือกโบรกเกอร์หรือบริษัทหลักทรัพย์ที่เหมาะสมกับตนเอง ในส่วนของเอกสารที่ใช้เปิดบัญชี มีดังนี้ สำเนาบัตรประชาชน สำเนาทะเบียนบ้าน สำเนาใบแจ้งรายการบัญชีธนาคารย้อนหลัง 6 เดือน เมื่อมีบัญชีแล้ว จึงจะสามารถส่งคำสั่งซื้อหรือขายหุ้นได้โดยผ่าน 2 ช่องทาง คือ ส่งคำสั่งผ่านผู้ติดต่อผู้ลงทุน (Investment Consultant) และส่งคำสั่งแบบออนไลน์ด้วยตนเอง (Internet Trading)
5. ติดตามผลการลงทุนอย่างสม่ำเสมอ
การวิเคราะห์และวางแผนการซื้อขายในอนาคตมีการเปลี่ยนแปลงได้เสมอเพราะตลาดหุ้นเป็นตลาดที่มีความผันผวนสูง จึงต้องหมั่นตรวจสอบอัตราผลตอบแทนแท้จริงกับอัตราผลตอบแทนที่คาดการณ์ไว้เป็นประจำ ทุก 3 – 6 เดือน เพื่อปรับพอร์ตการลงทุนให้เหมาะสม
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้เราจะศึกษาข้อมูลการเล่นหุ้นมาอย่างดีแล้ว แต่ตลาดหุ้นก็มีความผันผวนสูง อาจมีปัจจัยที่ทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลาและไม่อยู่ในความคาดหมาย เช่น ผลกระทบของเศรษฐกิจจากภัยธรรมชาติ เป็นต้น ดังนั้นเงินที่ใช้ในการเล่นหุ้นควรเป็น “เงินเย็น” หรือเงินที่เราจะไม่เดือดร้อนเมื่อเสียไป เพื่อลดความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นนั่นเอง
บทความแนะนำ
- รูปแบบการลงทุนและระดับความเสี่ยงในการลงทุน
- ประโยชน์ของการลงทุน และข้อควรระวังในการลงทุน
- กองทุนรวม (Mutual Fund) และ หุ้น (Stock) คืออะไร? แตกต่างกันอย่างไร?
- หุ้น (Stock) คืออะไร? มือใหม่จะเริ่มต้นเล่นหุ้นอย่างไรดี?
- ตราสารหนี้ (Bond) คืออะไร? มือใหม่จะเริ่มต้นลงทุนในตราสารหนี้อย่างไรดี?
- Forex คืออะไร? มือใหม่จะเริ่มต้นเทรด Forex อย่างไรดี?
- ลงทุนในทองคำ (Gold) มือใหม่จะเริ่มต้นลงทุน เก็งกำไรทองคำอย่างไรดี?
- DW (Derivative Warrants) คืออะไร? มือใหม่จะเริ่มต้นลงทุนอย่างไรดี?
- อยากลงทุนระยะสั้น ได้ผลตอบแทนดีๆ…เลือกลงทุนอะไรดี?
- อยากลงทุนระยะยาว ได้ผลตอบแทนดีๆ…เลือกลงทุนอะไรดี?
- วิธีการลงทุนและหารายได้เสริมสำหรับมนุษย์เงินเดือนที่สามารถทำได้จริง!