การซื้อขายสินค้าออนไลน์ มีรูปแบบการขายที่หลากหลายกว่าที่คิด เช่น Pre-Order (พรีออเดอร์) และ Dropship (ดรอปชิป) ผู้ที่สนใจการทำธุรกิจหรือผู้ที่ขายสินค้าออนไลน์ควรศึกษาข้อมูลเอาไว้ว่าการขายสินค้าแต่ละแบบคืออะไร มีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันอย่างไร เพื่อจะได้เลือกวิธีการขายที่ถนัดและเหมาะสมกับตนเอง
Pre-Order (พรีออเดอร์) คืออะไร?
Pre-Order คือ การสั่งซื้อสินค้าตามคำสั่งซื้อของลูกค้าโดยที่ยังไม่มีสินค้าในสต๊อก อาจเป็นสินค้าที่ต้องรอผลิต หรือเป็นสินค้าที่สั่งจากต่างประเทศก็ได้ ซึ่งลูกค้าที่สั่งต้องรอคอยสินค้าตามระยะเวลาการดำเนินการของแต่ละร้าน รูปแบบของสินค้าส่วนใหญ่แล้วจะเป็นสินค้าแฟชั่นแบบใหม่ หรือสินค้าที่มีจำหน่ายในต่างประเทศอย่างเช่น จีน เกาหลี ญี่ปุ่น ซึ่งหาซื้อไม่ได้ตามร้านค้าทั่วไป หรือมีราคาถูกกว่าสินค้าพร้อมจำหน่ายเลย จึงทำให้ลูกค้าเต็มใจรอนั่นเอง
ในเรื่องการชำระเงินค่าสินค้า ผู้ขายจะรับเงินมัดจำหรือเงินราคาเต็มจากผู้ซื้อสินค้าตามแต่จะตกลง แล้วผู้ขายจะทำการสั่งซื้อสินค้านั้น ดังนั้นการขายของแบบ Pre-Order เหมาะกับผู้ที่ทำร้านค้าออนไลน์และมีทุนไม่มากนัก ทั้งนี้ผู้ขายต้องเป็นคนที่มีเครือข่ายกว้างขวางเพื่อจะได้รู้แหล่งผลิตสินค้าที่ถูก รวมไปถึงต้องคอยติดตามกระแสของสินค้าแฟชั่นได้อย่างใกล้ชิด
ข้อดีของ Pre-Order
สำหรับผู้ขาย Pre-Order
- ไม่ต้องมีทุนตั้งต้นมากนัก
- สามารถทำเป็นงานเสริมได้ เพราะทำได้ไม่ยาก ใช้เวลาไม่มาก ไม่จำเป็นต้องมีหน้าร้าน
- สามารถโปรโมทสินค้าบนโลกออนไลน์ได้เลย หรือขายผ่านทางเว็บไซต์ขายของออนไลน์ที่มีผู้ใช้เป็นจำนวนมากอยู่แล้ว เช่น Shopee, Lazada
สำหรับลูกค้า Pre-Order
- มีสินค้าให้เลือกมากมาย
- ถ้าเป็นสินค้าที่สั่งจากต่างประเทศ ลูกค้าจะได้ไม่ต้องกังวลเรื่องการติดต่อกับผู้ขายที่ต่างประเทศ เพราะอาจมีอุปสรรคด้านภาษาอย่างเช่น จีน เกาหลี หรือญี่ปุ่น เพราะผู้ขายสินค้า Pre-Order จะเป็นตัวแทนติดต่อให้เอง
- หมดปัญหาเรื่องการใช้สกุลเงินต่างประเทศ เพราะผู้ขายสินค้า Pre-Order จะคำนวณราคาเป็นหน่วยเงินบาทแล้วเรียบร้อย
- ได้สินค้าราคาถูกกว่าการซื้อในร้านค้าตามท้องตลาด
- ติดต่อซื้อง่ายและสะดวกผ่านอินเทอร์เน็ต
ข้อเสียของ Pre-Order
สำหรับผู้ขาย Pre-Order
- บางครั้งทุนสำรองก็จำเป็น เพื่อรองรับความเสียหายของสินค้าและไม่สามารถเคลมกับโรงงานได้
- ต้องคอยติดต่อเรื่องกำหนดการส่งของให้กับลูกค้า เพราะบางครั้งสินค้าอาจได้ช้ากว่ากำหนดเนื่องจากความล่าช้าในการผลิตหรือการจัดส่ง
- สินค้าจากแหล่งผลิตไม่ได้คุณภาพ หรือไม่ตรงตามที่ระบุ ลูกค้าอาจขอคืนสินค้า หรืออาจทำให้ร้านเสียชื่อเสียง
สำหรับลูกค้า Pre-Order
- รอสินค้านาน ส่วนใหญ่ใช้เวลาเกือบ 2 สัปดาห์
- เสี่ยงต่อการถูกโกงเงินและไม่ได้รับสินค้า
- สินค้าไม่ตรงกับรูปภาพที่นำเสนอไว้บนพรีอินเทอร์เน็ต เช่น สีเพี้ยน เนื้อผ้าไม่ได้คุณภาพ
Dropship (ดรอปชิป) คืออะไร?
Dropship คือ การเป็นคนกลางในการนำสินค้าของผู้อื่นมาขาย และเราจะได้ผลประโยชน์เป็นส่วนต่างของราคาสินค้าเมื่อนำสินค้าไปเสนอขายให้กับลูกค้าในอีกราคาหนึ่ง โดยที่ไม่จำเป็นต้องส่งสินค้าหรือประกันสินค้าใดๆ เหมาะกับผู้ที่ไม่มีทุนตั้งต้น และไม่มีเวลาศึกษาเกี่ยวกับสินค้ามากนัก การขายมีลักษณะเหมือนขายของออนไลน์ทั่วไป ซึ่งโรงงานหรือผู้ผลิตอาจไม่มีความชำนาญด้านการขาย จึงให้ Dropship ช่วยกระจายสินค้าหรือหาลูกค้าให้นั่นเอง
ข้อดีของ Dropship
- ไม่ต้องลงทุน และไม่ต้องสต๊อก สินค้าเอง
- ไม่ต้องจัดส่งสินค้าเอง ทางร้านจะเป็นผู้ส่งสินค้าให้ลูกค้าเอง โดยใส่ชื่อของ Dropship เป็นผู้จัดส่ง
- ทำเป็นงานเสริมได้
- มีฐานลูกค้าเพิ่มมากขึ้น ทำให้ง่ายต่อการขายสินค้าอื่นๆ หรือทำธุรกิจอื่นในอนาคต
- ไม่ต้องมีความเชี่ยวชาญในสินค้าที่ขาย
- รูปภาพและข้อมูลของสินค้า ทางร้านหรือโรงงานมีมาให้อยู่แล้ว จึงประหยัดเวลาในการทำงาน
ข้อเสียของ Dropship
- ไม่สามารถทำเป็นธุรกิจที่ยั่งยืนได้ เพราะเมื่อทำแล้วร้านค้าจะยิ่งเติบโตมากขึ้นเรื่อยๆ ในอนาคตก็อาจไม่ใช้บริการ Dropship อีก
- มีคู่แข่งเยอะ เพราะทำได้ง่าย
- สินค้าบางอย่างต้นทุนสูงอยู่แล้ว จึงขายได้ยาก การจะทำต้องมีประสบการณ์ในการขายพอสมควรจึงทำให้ขายได้ และอยู่เหนือคู่แข่ง
- ถ้าสินค้ามีตำหนิ ไม่ได้คุณภาพ ไม่ตรงกับในรูป ลูกค้าอาจคืนสินค้าได้
- การจัดส่งอาจล่าช้า และเราไม่สามารถควบคุมได้
จะเห็นได้ว่าการขายสินค้าออนไลน์แต่ละแบบมีข้อดีและข้อเสียแตกต่างกันไป การขายสินค้า Pre-Order และ Dropship นั้นเหมาะกับผู้ที่มีทุนตั้งต้นไม่มากนัก แต่ต่างกันตรงที่ Pre-Order นั้นเป็นธุรกิจของตนเอง เลือกสินค้าที่จะขายได้ตามความต้องการ โดยต้องตามกระแสของตลาดให้ทัน ขณะที่ Dropship นั้นไม่จำเป็นต้องคอยติดตามความเปลี่ยนแปลงของตลาด เพราะเป็นตัวแทนขายสินค้าจากโรงงานหรือร้านค้าอีกที
บทความแนะนำ
- E-Commerce (อีคอมเมิร์ซ) คืออะไร? แตกต่างกับธุรกิจทั่วไปอย่างไร?
- E-Marketplace คืออะไร? มีข้อดีอย่างไร?
- การค้าปลีก (Retail) การค้าส่ง (Wholesale) คืออะไร? ต่างกันอย่างไร?
- ธุรกิจขายตรง (Direct Sales) ธุรกิจเครือข่าย (MLM) คืออะไร?
- Franchise (ธุรกิจแฟรนไซส์) คืออะไร? มีข้อดีข้อเสียอย่างไร?
- Pre-Order (พรีออเดอร์) และ Dropship (ดรอปชิป) คืออะไร? เลือกแบบไหนดี?
- Affiliate (แอฟฟิลิเอท) คืออะไร? Affiliate Marketing มีหลักการทำงานอย่างไร?