การเปิดร้านแฟรนไซส์ (Franchise) ถือเป็นธุรกิจที่กำลังได้รับความนิยมกันในปัจจุบัน เพราะมีรูปแบบการทำธุรกิจในทิศทางเดียวกันผู้ลงทุนแค่เตรียมสถานที่ให้เหมาะสมก็สามารถเป็นเจ้าของธุรกิจแฟรนไชส์ได้ไม่ยาก และไม่ต้องเสียเวลาศึกษาและต้องมาลองผิดลองถูกเอง (อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับรูปแบบธุรกิจแฟรนไซส์พร้อมข้อดีข้อเสีย)
ในปัจจุบันก็มีแฟรนไซส์หลายประเภทและหลากหลายแบรนด์ให้เลือกลงทุน ทั้งอาหารและบริการต่างๆ เริ่มตั้งแต่ราคาถูกหลักพัน ไปจนถึงหลักล้าน ซึ่งในบทความนี้เราก็มีธุรกิจร้านแฟรนไชส์อะไรดีที่น่าสนใจและน่าลงทุนในยุคนี้มาแนะนำให้เป็นตัวเลือกในการตัดสินใจ
ธุรกิจแฟรนไชส์น่าลงทุนสำหรับคนที่อยากเปิดร้านแฟรนไชส์
1. แฟรนไชส์ร้านชานมไข่มุก
เดี๋ยวนี้มองไปทางไหนก็เห็นแต่ร้านขายชานมไข่มุกอยู่ทั่วบ้านทั่วเมือง แฟรนไชส์ร้านชานมไข่มุกจึงเป็นเทรนด์มาแรงที่น่าลงทุนถือเป็นธุรกิจที่เหมาะกับผู้ที่อยากเริ่มต้นธุรกิจแบบง่ายๆ เพราะทุกวันนี้มีแฟรนไชส์ให้เลือกนับสิบยี่ห้อและเมนูที่หลากหลาย โดยการเริ่มธุรกิจแฟรนไชส์ร้านชานมไข่มุกมีราคาให้เลือกเริ่มตั้งแต่ 39,000 บาท สำหรับผู้ที่มีร้านค้าอยู่แล้ว ไปจน 500,000 บาท ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับแบรนด์และขนาดของร้าน แพ็กเกจเหล่านี้ยังรวมถึงการอบรมหลักสูตรพร้อมวัตถุดิบและอุปกรณ์ทำชานมไข่มุกอีกด้วย
2. แฟรนไชส์ร้านกาแฟสด
ร้านกาแฟสดก็เป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่เห็นได้ทั่วไปไม่ต่างจากร้านชานมไข่มุก โดยส่วนมากแฟรนไชส์ร้านกาแฟขนาดใหญ่ที่มีต้นทุนค่อนข้างสูงจะมีทีมงานวางแผนธุรกิจจากแบรนด์นั้น ๆ มาให้คำปรึกษาและฝึกอบรมพนักงาน โดยแฟรนไชส์ร้านกาแฟสดขนาดใหญ่มีราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 59,000 บาท ไปจนถึง 4 ล้านบาท แต่สำหรับร้านกาแฟสดขนาดเล็กก็มีราคาถูกกว่าเริ่มต้นประมาณ 9,900 บาท สำหรับผู้ที่มีหน้าร้านค้าอยู่แล้วก็จะได้รับสูตรทำกาแฟพร้อมอุปกรณ์การทำกาแฟ
3. แฟรนไชส์ร้านลูกชิ้น
ลูกชิ้นชนิดต่าง ๆ เช่น ลูกชิ้นปลา ลูกชิ้นปลาระเบิด ถือเป็นของกินเล่นยอดฮิตที่เห็นได้ทั่วไป แฟรนไชส์ร้านลูกชิ้นจึงมีให้เห็นกันหลายสิบแบรนด์แถมยังมีต้นทุนที่ไม่สูงมาก โดยแต่ละแบรนด์ก็มีรูปแบบการลงทุนที่แตกต่างกันพร้อมอุปกรณ์ในการขาย สำหรับแฟรนไชส์ลูกชิ้นทั่วไปมีราคาตั้งแต่ 1,500 – 5,000 บาท แต่สำหรับร้านลูกชิ้นแบรนด์ดังจะมีแพ็กเกจเริ่มต้นให้เลือกหลายรูปแบบ มีราคาเริ่มต้นที่ 2,900 – 25,000 บาทเลยทีเดียว โดยแต่ละแบรนด์ก็มีจำนวนฐานลูกค้าที่แตกต่างกันทำให้ต้นทุนมีราคาแตกต่างกันออกไปด้วย
4. แฟรนไชส์ร้านหมูปิ้ง
หมูปิ้งเป็นอาหารที่กินกันได้ทุกมื้อไม่ว่าเช้า กลางวัน เย็น เฟรนไชส์ร้านหมูปิ้งจึงเข้ามามีบทบาทในตลาดการลงทุนมากยิ่งขึ้น ด้วยต้นทุนที่ไม่สูงจนเกินไปและมีรายได้ดีเพราะมีกลุ่มเป้าหมายเป็นคนทั่วไป แล้วแฟรนไชส์หลายแบรนด์ก็พยายามสร้างจุดเด่นโดยเฉพาะรสชาติที่หลากหลาย ทำให้ราคาแฟรนไชส์ร้านหมูปิ้งแตกต่างกัน เริ่มต้นตั้งแต่ 5,000 – 25,000 บาท
5. แฟรนไชส์ร้านสเต๊ก
อีกหนึ่งธุรกิจอาหารที่ได้รับความนิยมคงหนีไม่พ้น ด้วยรูปแบบธุรกิจที่ไม่ซับซ้อน ลงทุนง่าย และได้กำไรดี และมีหลากหลายแบรนด์ให้เลือกลงทุน โดยแฟรนไชส์ร้านสเต๊กส่วนมากจะได้รับสื่อการขายที่เป็นจุดเด่นของร้าน เช่น ป้ายหน้าร้าน ร่ม และอุปกรณ์สำหรับเปิดร้านแบบครบวงจร เช่น เคาน์เตอร์ เตาย่าง เตาทอด รวมไปถึงคอร์สฝึกอบรมอีกด้วย ซึ่งราคาแฟรนไชส์ร้านสเต๊กก็แตกต่างกันตามลักษณะแบรนด์ โดยมีราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 10,000 – 600,000 บาท ขึ้นอยู่กับตัวแบรนด์ หลักสูตรบริหารร้านและขนาดสถานที่ด้วย
6. แฟรนไชส์ร้านยํา
“ยำ” อาหารมาแรงที่สุดในยุคนี้ ไม่ว่าจะเป็นยำรวมมิตร ยำมะม่วง ยำหมูยอและสารพัดยำอีกหลายรูปแบบ ด้วยรสชาติจัดจ้านจึงเป็นที่ชื่นชอบของใครหลายคน ร้านยำยังเหมาะสมแก่การลงทุนอีกด้วยเพราะมีต้นทุนค่าอุปกรณ์ที่ไม่สูงมากประมาณ 6,500 – 12,000 บาท แฟรนไชส์ร้านยำจึงไม่ได้เป็นที่นิยมมากเพราะยำเป็นอาหารที่ทำง่ายและแต่ละร้านก็สามารถคิดสูตรขึ้นได้ด้วยตัวเอง แต่นอกจากรสชาติที่จัดจ้านแล้วหัวใจที่สำคัญในตลาดร้านยำที่มีการแข่งขันสูงก็คือทำเลที่ตั้งและจุดเด่นประจำร้านที่ช่วยดึงดูดลูกค้า

7. แฟรนไชส์ร้านสะดวกซัก
ถือว่าเป็นรูปแบบธุรกิจที่กำลังเติบโตได้ดีในประเทศไทย สำหรับร้านสะดวกซักที่ให้บริการเครื่องซักผ้าและเครื่องอบผ้าตลอด 24 ชม. เป็นบริการที่ก้ำกึ่งระหว่างตู้ซักผ้าหยอดเหรียญและบริการร้านซัก อบ รีดโดยมีราคาไม่แพงจนเกินไปและสะดวกสบาย ใช้เวลาไม่นาน เหมาะสำหรับผู้ที่อยู่ในวัยทำงานหรือผู้ที่มีสถานที่ใกล้กับหอพัก คอนโดมิเนียมหรืออพาร์ทเมนต์ และต้องการหารายได้อีกทางหนึ่ง เพราะเจ้าของสามารถดูแลธุรกิจนี้ได้ด้วยตนเองโดยไม่ต้องจ้างพนักงาน แต่แฟรนไชส์ร้านสะดวกซักนั้นมีราคาเริ่มต้นค่อนข้างสูงที่ประมาณ 1 – 3 ล้านบาท
8. แฟรนไชส์ไปรษณีย์
บริการด้านไปรษณีย์เริ่มมาเป็นที่นิยมของตลาดมากขึ้นเนื่องจากพฤติกรรมผู้บริโภคที่นิยมสั่งซื้อของทางออนไลน์กันมากขึ้น ทำให้บริการส่งของทางไปรษณีย์เป็นที่นิยมขึ้นอย่างก้าวกระโดด แฟรนไชส์ไปรษณีย์จึงเป็นธุรกิจที่ไม่ควรมองข้าม ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนซื้อแฟรนไชส์ไปรษณีย์แบบครบวงจรทั้งการจำหน่ายแสตมป์ บริการจัดส่ง แพ็คสินค้า เป็นจุด Drop off และบริการอื่น ๆ โดยมีราคาเริ่มต้นที่ 200,000 – 400,000 บาท หรือสำหรับผู้ที่มีร้านค้าอยู่แล้วก็สามารถสมัครเป็นตัวแทนรับพัสดุของบริการขนส่งเอกชนได้เช่นกัน
9. แฟรนไชส์ตู้หยอดเหรียญ
ปัจจุบันตู้หยอดเหรียญประเภทต่างๆ นั้นเป็นที่พบเห็นกันได้มากขึ้นในละแวกชุมชนมากกว่าในอดีต ไม่ว่าจะเป็นตู้จำหน่ายสินค้า เครื่องดื่ม ตู้เติมเงินโทรศัพท์ มินิปั๊มสำหรับบริการน้ำมันสำหรับรถจักรยานยนต์ ไปจนถึงตู้กดน้ำดื่ม ต่างก็สร้างกำไรให้ผู้ลงทุนได้เป็นจำนวนมาก เพราะเป็นสินค้าที่คนทั่วไปต้องการใช้งาน เหมาะสำหรับผู้ที่มีกิจการเป็นของตัวเองอยู่แล้ว เช่น หอพักหรือร้านสะดวกซื้อ
10. แฟรนไชส์ร้านทําเล็บ
ร้านทำเล็บเป็นธุรกิจที่เหมาะสมกับผู้ที่มีความสนใจหรือชื่นชอบความงาม และหากได้ร้านทำเล็บมีช่างที่มีผีมือ ทำลวดลายได้ตามที่ลูกค้าต้องการและมีความสะอาด ก็เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ธุรกิจเติบโตได้แล้ว อีกทั้งร้านทำเล็บไม่จำเป็นต้องใช้พื้นที่กว้างมากนักสามารถเปิดได้ในพื้นที่ขนาดเล็ก โดยต้นทุนส่วนใหญ่จะขึ้นอยู่กับอุปกรณ์ สีทาเล็บและช่างทำเล็บ สำหรับแฟรนไชส์ร้านทําเล็บมีต้นทุนเริ่มต้นที่ 250,000 บาท พร้อมแพ็กเกจเทรนนิ่งช่างทำเล็บและอุปกรณ์ต่างๆ
แม้ปัจจุบันจะมีธุรกิจแฟรนไชส์ให้เลือกหลากหลายรูปแบบและมีหลายแบรนด์ แต่ทุกการลงทุนนั้นมีความเสี่ยงเสมอ คนที่อยากเปิดร้านแฟรนไชส์จึงควรศึกษาให้รอบคอบ และเลือกธุรกิจให้เหมาะกับสถานที่หรือเงินทุนที่มี เพื่อช่วยให้บริหารจัดการได้อย่างเหมาะสมและทำกำไรอย่างยั่งยืน
บทความแนะนำ
- E-Commerce (อีคอมเมิร์ซ) คืออะไร? แตกต่างกับธุรกิจทั่วไปอย่างไร?
- Franchise (ธุรกิจแฟรนไซส์) คืออะไร? มีข้อดีข้อเสียอย่างไร?
- Startup (สตาร์ทอัพ) คืออะไร? แตกต่างจาก SME (เอสเอ็มอี) หรือไม่?
- Pre-Order (พรีออเดอร์) และ Dropship (ดรอปชิป) คืออะไร? เลือกแบบไหนดี?
- MLM (ธุรกิจขายตรง) Network Marketing (ธุรกิจเครือข่าย) คืออะไร? ดีจริงหรือไม่?