สำหรับคนที่มีเงินเก็บหรือเงินสักก้อนและต้องการจะใช้เงินต่อเงิน การลงทุนเพื่อให้ได้ผลตอบแทนนั้น ไม่จำเป็นต้องเป็นการลงทุนลงแรงสร้างธุรกิจด้วยตนเอง เพราะต้องแบกรับภาระมากมาย เสี่ยงต่อการขาดทุนจนหมดตัวหรือที่เรียกกันว่าเจ๊งได้ แต่สามารถลงทุนในกองทุนรวมหรือหุ้นซึ่งเป็นการระดมทุนรูปแบบหนึ่ง หลายคนอาจยังสงสัยว่า กองทุนรวมกับหุ้นคืออะไร และมีความแตกต่างกันอย่างไร แบบไหนจะเหมาะสมกับตนเองมากกว่าหากคิดจะลงทุน
กองทุนรวม (Mutual Fund) คืออะไร?
กองทุนรวม คือ การระดมทุนจากนักลงทุนหลายรายให้ได้เงินทุนก้อนใหญ่ ซึ่งบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) เป็นผู้ทำหน้าที่ระดมเงินทุนและนำกองทุนไปขออนุญาตและจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล จากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เมื่อจัดตั้งเสร็จจะมีผู้จัดการกองทุนมาดูแลเรื่องกองทุน ว่าจะนำเงินจากกองทุนไปลงทุนในด้านไหน เช่น ลงทุนในหุ้น ตราสารหนี้ ทองคำ หรืออสังหาริมทรัพย์ เมื่อได้กำไรก็นำมาเฉลี่ยคืนให้ผู้ลงทุน
ข้อดีของกองทุนรวม
การลงทุนในกองทุนรวม เหมาะกับผู้ลงทุนรายย่อยและมีทุนทรัพย์จำกัด เพราะการลงทุนบางประเภทอย่าง ตราสารหนี้ ขั้นต่ำราคามีราคา 100,000 บาท ซึ่งไม่เหมาะกับกำลังทรัพย์ของผู้ลงทุนรายย่อยบางคน ดังนั้นการลงทุนในกองทุนรวมจึงช่วยได้มาก และมีผู้ดูแลจัดการการลงทุนอย่างเป็นระบบ ซึ่งข้อดีของการลงทุนในกองทุนรวม นอกจากที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว ยังมีดังนี้
- ไม่ต้องใช้ประสบการณ์หรือความชำนาญลงทุนก็ได้ เพราะกองทุนรวมมีผู้บริหารจัดการโดยมืออาชีพอยู่แล้ว
- มีนโยบายหลากหลายให้เลือก ตามความเหมาะสมของผู้ลงทุน
- สะดวกสบายในการติดตามข่าว เพราะบลจ. จะรายงานข้อมูลแสะสถานการณ์การลงทุนสม่ำเสมอ
- สามารถใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้ สำหรับกองทุน SSF และ RMF
- บางกองทุนกำหนดการลงทุนขั้นต่ำเพียง 2,000 บาทเท่านั้น
หุ้น (Stock) คืออะไร?
หุ้น คือ การซื้อหุ้นของบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ (Stock Market) หรือ เป็นการร่วมเป็นนักลงทุนในบริษัทนั้น (อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเล่นหุ้น)
หุ้นมี 2 ตลาดคือ ตลาดแรก และตลาดรอง
- ตลาดแรก เป็นการระดมทุนเพื่อขยายกิจการของบริษัท ราคาจะถูกกำหนดเอาไว้อยู่แล้ว และผู้ซื้อต้องจองซื้อผ่านผู้จัดจำหน่ายเท่านั้น
- ตลาดรอง เป็นการซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ ที่มีการเปลี่ยนแปลงราคาตามผลการดำเนินการของบริษัท และสภาวะความต้องการของตลาด หากบริษัทหรือธุรกิจนั้นมีกำไร ผู้ถือหุ้นก็จะได้ส่วนแบ่งจากกำไรของธุรกิจนั้นด้วย
ข้อดีของหุ้น
การเล่นหุ้นส่วนใหญ่คือหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ เหมาะกับผู้ลงทุนรายย่อยที่สามารถวิเคราะห์และเลือกลงทุนได้เอง ทั้งยังไม่ต้องมีทุนทรัพย์มากก็สามารถเล่นหุ้นได้ ซึ่งมีข้อดีดังนี้
- ไม่ต้องใช้เงินจำนวนมากเหมือนการลงทุนทำธุรกิจด้วยตนเอง
- สภาพคล่องสูงกว่าทำธุรกิจด้วยตนเอง เพราะว่าสามารถซื้อขายหุ้นได้ตลอดเวลา
- ไม่ต้องบริหารธุรกิจเอง เรามีหน้าที่เพียงติดตามการทำงานเท่านั้น
- หุ้นสร้างผลตอบแทนได้ดี
ความแตกต่างระหว่างกองทุนรวมและหุ้น
การลงทุนในหุ้นคือการลงทุนในธุรกิจที่มีความเสี่ยงค่อนข้างสูง เพราะเป็นการลงทุนด้วยตนเอง ต้องศึกษาและวิเคราะห์เป็นอย่างดี ขณะที่การลงทุนในกองทุนรวมคือการลงทุนในกองทุนที่แต่ละแห่งก็มีนโยบายแตกต่างกันไปว่าจะนำเงินไปลงทุนแบบไหน เช่น ตราสารหนี้ ทองคำ หุ้น โดยที่ผู้ลงทุนไม่จำเป็นต้องศึกษาเรื่องการลงทุนด้วยตนเอง และกองทุนรวมบางอย่างจะมอบสิทธิลดหย่อนภาษาอีกด้วย
สรุปแล้วการลงทุนแต่ละแบบก็มีข้อแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับความต้องการและความเหมาะสมของตัวผู้ลงทุนเอง ถ้าไม่มีเวลาศึกษาวิเคราะห์สภาวะตลาดด้วยตนเอง การลงทุนในกองทุนรวมก็จะช่วยให้ประหยัดเวลาได้มาก แต่ถ้าอยากเป็นหนึ่งในเจ้าของกิจการและต้องการผลตอบแทนที่ดี การเลือกลงทุนในหุ้นก็จะเหมาะมากกว่านั่นเอง (อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับกองทุนแบบ Active Fund และ Passive Fund)
บทความแนะนำ
- รูปแบบการลงทุนและระดับความเสี่ยงในการลงทุน
- ประโยชน์ของการลงทุน และข้อควรระวังในการลงทุน
- กองทุนรวม (Mutual Fund) และ หุ้น (Stock) คืออะไร? แตกต่างกันอย่างไร?
- หุ้น (Stock) คืออะไร? มือใหม่จะเริ่มต้นเล่นหุ้นอย่างไรดี?
- ตราสารหนี้ (Bond) คืออะไร? มือใหม่จะเริ่มต้นลงทุนในตราสารหนี้อย่างไรดี?
- Forex คืออะไร? มือใหม่จะเริ่มต้นเทรด Forex อย่างไรดี?
- ลงทุนในทองคำ (Gold) มือใหม่จะเริ่มต้นลงทุน เก็งกำไรทองคำอย่างไรดี?
- DW (Derivative Warrants) คืออะไร? มือใหม่จะเริ่มต้นลงทุนอย่างไรดี?
- อยากลงทุนระยะสั้น ได้ผลตอบแทนดีๆ…เลือกลงทุนอะไรดี?
- อยากลงทุนระยะยาว ได้ผลตอบแทนดีๆ…เลือกลงทุนอะไรดี?
- วิธีการลงทุนและหารายได้เสริมสำหรับมนุษย์เงินเดือนที่สามารถทำได้จริง!