วิธีการลงทุนและหารายได้เสริมสำหรับมนุษย์เงินเดือนที่สามารถทำได้จริง!

มนุษย์เงินเดือนถือเป็นอาชีพที่ค่อนข้างมั่นคงเพราะมีรายได้สม่ำเสมอทุกเดือน แต่ก็อาจเสียเปรียบตรงที่รายได้อาจมีการเติบโตช้า ไม่พอดีกับค่าใช้จ่ายที่มากขึ้น ต้องรอการปรับขึ้นเงินเดือนเป็นรายปี บางคนก็รอโบนัสเพื่อค่าใช้จ่ายแต่สุดท้ายอาจไม่ได้ตามที่หวัง ทำให้รายรับรายจ่ายไม่สมดุลกันตามที่คาดไว้ การหารายได้เสริมจึงเป็นสิ่งที่มนุษย์เงินเดือนนิยมทำกัน ซึ่งก็มีหลากหลายวิธี ทั้งการใช้เงินลงทุนเพื่อรอดอกผลงอกเงย รวมถึงทำอาชีพเสริมนอกเวลา เราจึงขอแนะนำแนวทางการลงทุนและหารายได้เสริมสำหรับมนุษย์เงินเดือน เพื่อที่จะได้รู้ว่ามีอะไรที่น่าสนใจบ้าง ผลตอบแทนเป็นอย่างไร มีความเสี่ยงขนาดไหน และแบบไหนที่เหมาะกับเรา

แนวทางการลงทุนและหารายได้เสริมสำหรับมนุษย์เงินเดือน

1. ฝากเงินแบบประจำ

การฝากเงินแบบประจำ คือ การฝากเงินที่มีกำหนดระยะเวลาการฝากเงินแน่นอน เช่น 3 เดือน หรือ 1 ปี และมีการกำหนดขั้นต่ำ ไม่สามารถถอนออกไปใช้ก่อนได้ หรือถ้าจำเป็นต้องถอนเงินไปใช้ก่อนกำหนด อาจไม่ได้รับดอกเบี้ยหรือเสียค่าปรับตามระเบียบที่ธนาคารกำหนดไว้ การฝากบัญชีเงินฝากประจำมีทั้งการฝากแบบทยอยฝากด้วยจำนวนเงินที่เท่ากันทุกครั้งจนครบระยะเวลา กับการฝากทีเดียวจนครบระยะเวลา ซึ่งมีอัตราการคิดดอกเบี้ยที่แตกต่างกัน

การฝากเงินแบบประจำเป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงน้อย เหมาะสำหรับมนุษย์เงินเดือนที่สามารถคำนวณรายได้ต่อเดือนล่วงหน้าได้ และวางแผนได้ว่าจะฝากประจำเดือนละเท่าไหร่ หรือถ้ามีเงินเก็บอยู่แล้วจะฝากทีเดียวจนครบระยะเวลาก็ได้ การฝากประจำแบบปลอดภาษีจะได้ดอกเบี้ยสูงกว่าการฝากออมทรัพย์ทั่วๆ ไปอีกด้วย (อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับประเภทเงินฝากธนาคาร)

2. ลงทุนในกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ

กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ คือ กองทุนที่นายจ้างและลูกจ้างร่วมกันจัดตั้งขึ้น โดยเงินจากลูกจ้างเรียกว่า “เงินสะสม”เงินจากนายจ้างเรียกว่า “เงินสมทบ” ซึ่งจะต้องสมทบไม่ต่ำกว่าเงินสะสมของลูกจ้าง มีวัตถุประสงค์เพื่อเก็บออมเงินให้ลูกจ้างใช้จ่ายตอนเกษียณอายุ กองทุนสำรองเลี้ยงชีพถือเป็นสวัสดิการส่วนหนึ่งที่มีให้กับลูกจ้าง เพื่อเป็นหลักประกันทางการเงินให้กับลูกจ้างที่เป็นพนักงานบริษัทเอกชนหรือรัฐวิสาหกิจต่างๆ เนื่องจากไม่มีเบี้ยบำเหน็จ บำนาญ แบบข้าราชการ ซึ่งกองทุนสำรองเลี้ยงชีพจะมีการนำเงินในกองทุนไปบริหารให้เกิดผลประโยชน์เพิ่มขึ้น และนำมาเฉลี่ยให้กับสมาชิกในกองทุนทุกคนตามสัดส่วนของเงินที่แต่ละคนมีอยู่ในกองทุน

การลงทุนในกองทุนสำรองเลี้ยงชีพนั้นไร้ความเสี่ยง เพราะกองทุนมีสถานเป็นนิติบุคคล มีการจดทะเบียนกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (สำนักงาน ก.ล.ต.) ดังนั้นแม้บริษัทหรือกิจการปิดตัวลง ลูกจ้างก็มั่นใจได้ว่าเงินในกองทุนจะยังเป็นของลูกจ้างหรือสมาชิกทั้งหมด อย่างไรก็ตาม เงินตอบแทนจากกองทุนสำรองเลี้ยงชีพจะถูกสะสมยอดให้เป็นก้อนใหญ่ และจ่ายให้กับลูกจ้างเมื่อสิ้นสุดการเป็นพนักงาน เช่น ลาออก เกษียณอายุ เป็นต้น

3. ซื้อกองทุนรวม LTF/RMF

LTF หรือ Long Term Equity Fund คือ กองทุนรวมหุ้นระยะยาว เป็นกองทุนที่เน้นลงทุนในหุ้นไม่ต่ำกว่า 65% ของมูลค่ากองทุน ทำให้ความเสี่ยงของการลงทุนค่อนข้างสูง กองทุน LTF มีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในตลาดหุ้นระยะยาว ทำให้ตลาดหุ้นมีสภาพคล่องและเสถียรภาพมากขึ้น กองทุนนี้มีเงินปันผลระหว่างปี หรืออาจจะนำเงินส่วนนั้นไปลงทุนต่อ ซึ่งสิ่งดึงดูดใจให้ร่วมลงทุนคือสิทธิลดหย่อนภาษีนั่นเอง

ส่วน RMF หรือ Retirement Mutaul Fund คือ กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมให้เราออมเงินระยะยาวเพื่อใช้ยามเกษียณ จึงไม่มีเงินปันผลเพราะเน้นเป็นเงินก้อน แต่มีสิทธิลดหย่อนภาษีเช่นเดียวกับ LTF ส่วนนโยบายการลงทุนจะมีหลากหลายกว่า LTF เพราะไม่ได้เน้นหุ้นเพียงอย่างเดียว แต่ยังลงทุนในรูปแบบอื่นๆ เช่น พันธบัตรรัฐบาล ทองคำ เป็นต้น โดยมีความเสี่ยงแตกต่างกันไปตั้งแต่ระดับต่ำไปจนถึงระดับสูง ข้อดีของการลงทุน RMF คือสามารถเปลี่ยนกองทุนได้ตามสภาวะเศรษฐกิจ เช่น ถ้าอยากลดความเสี่ยง จากที่เคยลงทุนในหุ้นก็สามารถเปลี่ยนไปลงทุนในตลาดเงินได้ (อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับกองทุนรวม)

4. เล่นหุ้น

การเล่นหุ้น คือ การซื้อหุ้นของบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์หรือคือการร่วมเป็นนักลงทุนในบริษัทนั้น หุ้นจะมีสองตลาดคือ ตลาดแรกและตลาดรอง โดยตลาดแรกจะเป็นการระดมทุนเพื่อขยายกิจการของบริษัท ราคาจะถูกกำหนดเอาไว้อยู่แล้ว และผู้ซื้อต้องจองซื้อผ่านผู้จัดจำหน่ายเท่านั้น ส่วนตลาดรองจะเป็นการซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ ที่มีการเปลี่ยนแปลงราคาตามผลการดำเนินการของบริษัท และสภาวะความต้องการของตลาด

ผลตอบแทนจากการเล่นหุ้นมี 2 แบบ คือ Capital Gain กำไรจากส่วนต่างของราคาหุ้นที่เราซื้อมากับที่เราสามารถขายไปได้ กับ Dividend เงินปันผลที่เป็นส่วนแบ่งจากผลกำไรของบริษัท ซึ่งการเล่นหุ้นเป็นการลงทุนที่จะว่าได้กำไรมากก็ว่าได้ ขณะเดียวกันก็ถือเป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงมาก เพราะราคาของหุ้นขึ้นอยู่กับผลการดำเนินงานของบริษัท และปัจจัยทางด้านเศรษฐกิจ สังคม และอื่นๆ ดังนั้น การเล่นหุ้นควรใช้ “เงินเย็น” หรือเงินที่เราจะไม่เดือดร้อนถ้าเสียไปเท่านั้น (อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเล่นหุ้น)

5. เป็นฟรีแลนซ์

งานฟรีแลนซ์ เป็นงานที่นิยมสำหรับมนุษย์เงินเดือนที่ต้องการมีอาชีพเสริม การเป็นฟรีแลนซ์จำเป็นจะต้องสร้างโปรไฟล์ที่ดี โชว์ผลงานให้น่าสนใจและน่าเชื่อถือเพื่อให้มีผู้สนใจว่าจ้าง หรืออาจต้องอาศัยคอนเน็คชั่นในการหางานสักหน่อย

การเป็นฟรีแลนซ์สำหรับมนุษย์เงินเดือนควรเป็นงานที่ทำนอกเวลาได้ ไม่กินเวลาการใช้ชีวิตมากเกินไป โดยเน้นที่การลงแรงของตน เช่น การเป็นติวเตอร์ รับเขียนบทความ รับแปลภาษา เป็นต้น ผลตอบแทนมักขึ้นอยู่กับประสบการณ์หรือความยากง่ายของงาน ส่วนใหญ่แล้วคุ้มค่าเพราะเป็นต้นทุนจากความสามารถของเราเอง และความเสี่ยงน้อยเพราะมีงานประจำอยู่แล้ว เพียงแต่จะเหนื่อยมากขึ้นเพราะได้พักผ่อนน้อยลง ดังนั้นควรจัดสรรเวลาในการทำงานและการพักผ่อนให้ดี

6. หารายได้เสริมออนไลน์

ปัจจุบันโลกออนไลน์มีบทบาทต่อชีวิตของมนุษย์อย่างมาก การหารายได้เสริมผ่านทางออนไลน์จึงเป็นอีกทางเลือกที่ดีของมนุษย์เงินเดือน เพราะมีช่องทางในการโปรโมตสินค้าหรือบริการ รวมถึงคอนเทนต์ต่างๆ เช่น วิดีโอ เว็บบล็อก บนโลกออนไลน์ให้ใช้ได้ฟรี หรืออาจมีค่าบริการเล็กน้อยหากอยากโฆษณาให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายก่อนในระยะแรก และยังสามารถเข้าถึงผู้คนได้ทั่วทุกมุมโลกตลอด 24 ชั่วโมงเลยทีเดียว

6.1 ขายสินค้าออนไลน์

ปัจจุบันมีร้านขายสินค้าออนไลน์เกิดขึ้นจำนวนมาก เพราะผู้บริโภคส่วนใหญ่หันมาซื้อของออนไลน์เนื่องจากความสะดวกรวดเร็ว แต่การจะขายสินค้าออนไลน์ให้เข้าถึงลูกค้าได้มากกว่าร้านค้าอื่นๆ นั้น ต้องรู้จักการใช้ช่องทางโซเชียลมีเดียให้เป็นประโยชน์ เช่น ไลฟ์ขายของบนเฟซบุ๊ก หรือ บรอดแคสต์ในไลน์แอด นอกจากนี้ยังมีเว็บไซต์ที่เป็นพื้นที่ให้พ่อค้าแม่ค้าได้ขายของออนไลน์มากมาย อย่าง E-Marketplace เช่น Lazada, Shopee เป็นต้น จึงใช้เงินลงทุนด้านการโฆษณาน้อยมาก ทั้งยังไม่ต้องเสียเงินลงทุนทำหน้าร้านด้วย ส่วนเรื่องสินค้า ถ้าจะให้มีความเสี่ยงน้อยที่สุด อาจจะเลือกขายแบบพรีออเดอร์ คือ ตั้งระยะเวลาในการสั่งซื้อสินค้าชนิดนั้น เมื่อครบกำหนดจึงปิดการขาย และรวบรวมจำนวนที่ลูกค้าสั่งซื้อไปสั่งซื้อแบบขายส่งจากร้านค้าที่เราติดต่อไว้อีกที

6.2 ขายภาพออนไลน์

บางคนคิดว่าต้องเป็นช่างกล้องมืออาชีพจึงจะสามารถขายภาพออนไลน์ได้ แท้จริงแล้วการขายภาพออนไลน์เป็นเรื่องที่ง่ายมาก ยิ่งในปัจจุบันที่เพียงมีสมาร์ทโฟนก็สามารถถ่ายภาพได้แล้ว ก็สามารถนำรูปที่เราถ่ายไปลงในเว็บไซต์ที่ทำหน้าที่เป็นตลาดให้เราขายภาพได้ ซึ่งเรียกกันว่า ไมโครสต็อก เช่น Shuttterstock.com, iStockphoto.com, Dreamstime.com, Fotolia.com และ 123rf.com

บางครั้งภาพถ่ายที่ขายได้ดีก็อาจเป็นรูปที่เราคาดไม่ถึงเหมือนกัน ดังนั้นไม่ต้องกังวลว่าจะต้องเป็นภาพที่สวยงามทุกองค์ประกอบจึงจะขายได้ เราแค่ต้องตีโจทย์ให้แตกว่ารูปภาพแบบไหนที่ไม่ค่อยมีบนอินเตอร์เน็ตและคนต้องการใช้กัน ทั้งนี้ภาพถ่ายเปรียบเสมือนสินค้าที่ไม่มีวันหมดอายุ ขายได้ตลอดเวลา และมีลูกค้าอยู่ทั่วทุกมุมโลก ซึ่งการจะเริ่มลงขายภาพในเว็บนั้นควรศึกษาว่าเว็บไซต์ไหนมีความน่าเชื่อถือ และมีมาตรฐาน เพราะจะทำให้ขายง่ายกว่านั่นเอง

6.3 เขียนบล็อก/ทำวิดีโอลงโซเชี่ยลเน็ตเวิร์ค

อีกหนึ่งวิธียอดนิยมสำหรับคนรุ่นใหม่ก็คือ การเขียนบล็อกหรือทำวิดีโอลงโซเชียลเน็ตเวิร์คของตนเอง เพราะใช้เงินทุนไม่สูง เพียงมีอินเตอร์เน็ตและกล้องถ่ายรูปหรือใช้เพียงสมาร์ทโฟนก็สามารถทำได้ เพียงแต่ต้องอาศัยไอเดีย และความคิดสร้างสรรค์ในการสร้างเอกลักษณ์ของตัวเองจนดึงดูดให้คนมาสนใจและติดตามเป็นจำนวนมากให้ได้

แล้ววิธีนี้สามารถทำเงินได้อย่างไร? คำตอบก็คือถ้าเราเป็นบล็อกเกอร์ เราสามารถสมัครโปรแกรมลงโฆษณาในบล็อกของเราได้ รวมถึงยูทูบเบอร์ที่มีผู้ติดตามมากระดับหนึ่ง เราก็จะสามารถหารายได้จากการลงโฆษณาจากช่องของเราได้เช่นกัน รวมถึงการเข้าร่วมโปรแกรม Affiliate โดยหน้าที่ของเราก็คือการช่วยรีวิวสินค้าหรือเชียร์สินค้าของลูกค้าผ่านทางโซเชียลมีเดียของเรา แล้วเราก็จะได้ค่าตอบแทนเมื่อมีคนซื้อสินค้านั่นเอง

การหารายได้เสริมสำหรับมนุษย์เงินเดือนนั้นมีหนทางให้เลือกหลากหลาย ถ้าศึกษามาอย่างดีก่อนเริ่มลงมือก็จะเป็นเรื่องที่ไม่ยากนัก จะเลือกแบบไหนก็สามารถเลือกได้ตามความถนัด ความชอบ และเวลาที่มี ที่สำคัญไม่ควรเลือกหนทางที่มีความเสี่ยงเกินไปนัก เพราะจากที่จะได้เงินเพิ่ม ก็อาจกลายเป็นต้องขาดทุนไปอย่างน่าเสียดาย

---