ลงทุนในทองคำ (Gold) มือใหม่จะเริ่มต้นลงทุน เก็งกำไรทองคำอย่างไรดี?

การลงทุนเป็นการบริหารเงินเพื่อให้เงินทำงาน มีผลตอบแทนงอกเงย ทั้งนี้ขึ้นชื่อว่าการลงทุนแล้วย่อมมีความเสี่ยง ซึ่งการลงทุนในทองคำจัดได้ว่ามีความเสี่ยงในระดับหนึ่ง แต่ว่าทองคำจัดเป็นสินทรัพย์ที่มีคุณค่าและมั่นคง เพราะสามารถเก็บไว้ได้ และนำไปหลอมเปลี่ยนรูปได้ หากลงทุนในระยะยาวก็ไม่ต้องกังวลเรื่องเงินเฟ้อ นอกจากนี้การลงทุนเพื่อเก็งกำไรจากทองคำก็ไม่ได้มีแค่ทองรูปพรรณที่เราสวมใส่เท่านั้น แต่ยังมีรูปแบบอื่นๆ ให้เลือกอีก ซึ่งหมดกังวัลเรื่องการเก็บรักษาทองคำได้

รูปแบบการลงทุนในทองคำ

1.ทองรูปพรรณ

ทองรูปพรรณหรือทองที่นำมาทำเป็นเครื่องประดับสวมใส่นั้น ตอนซื้อนอกจากจะมีราคาค่าทองแล้ว ยังมีค่ากำเหน็จหรือค่าแรงในการทำลวดลายต่างๆ อีกด้วย ดังนั้นการลงทุนในทองรูปพรรณจะได้ราคาขายคืนต่ำกว่าราคาซื้อ เพราะไม่ได้ค่ากำเหน็จคืน รวมถึงถูกหักค่าสึกหรอจากการสวมใส่ทองด้วย การลงทุนในทองประเภทนี้จึงไม่ค่อยเป็นที่นิยมเท่าไหร่ เหมาะสำหรับการซื้อมาใส่เป็นเครื่องประดับ หรือซื้อเก็บไว้เป็นทรัพย์สินแล้วนำออกมาขายทำกำไรภายหลังเสียมากกว่า

2. ทองคำแท่ง

ทองคำแท่งเป็นรูปแบบทองที่นิยมลงทุนมากที่สุด เพราะไม่มีค่ากำเหน็จแบบทองรูปพรรณ และบางทีก็ไม่มีค่าบล็อกอีกด้วย โดยมีให้เลือกทั้งทองแบบ 96.5% และ 99.99% โดยแบบแรกจะนิยมในประเทศไทยมากกว่าเพราะราคาถูกกว่า ทำให้ขายง่าย ขนาดที่นิยมซื้อขายมี 5 บาท 10 บาท 20 บาท และ 50 บาท ส่วนแบบหลังจะเป็นที่นิยมของนักลงทุนต่างชาติ ซื้อขายเป็นกรัม เช่น 100 กรัม ไปจนถึงกิโลกรัม การลงทุนในทองคำแท่งสามารถทำได้สะดวกโดยซื้อ-ขายกับร้านทอง หรือทางออนไลน์กับบริษัทที่ค้าทองก็ได้

3. กองทุนรวมทองคำ

กองทุนรวมทองคำ (Gold Fund) คือ การซื้อหน่วยลงทุนในกองทุนที่ซื้อทองคำเป็นสินทรัพย์ กองทุนรวมทองคำมีทั้งแบบมีเงินปันผล แบบไม่มีเงินปันผล และแบบเพื่อการเลี้ยงชีพ ข้อดีคือจะได้รับผลตอบแทนในรูปแบบเงินปันผล หรือกำไรจากส่วนต่างของหน่วยลงทุน แต่ก็มีข้อจำกัดคือ มีค่าใช้จ่ายในการบริหารของกองทุน ค่าธรรมเนียมในการซื้อขาย รวมถึงกองทุนรวมทองคำเป็นการซื้อหน่วยลงทุนในต่างประเทศ ทำให้เสี่ยงเรื่องอัตราแลกเปลี่ยนและราคาทองคำ

4. โกลด์ฟิวเจอร์ส

โกลด์ฟิวเจอร์ส (Gold Futures) อธิบายให้เข้าใจง่ายๆ คือ การทำสัญญาซื้อขายทองคำล่วงหน้าผ่านตลาดอนุพันธ์ หรือ TFEX และใช้เงินลงทุนน้อยกว่าทองคำแท่ง เนื่องจากใช้วิธีวางเงินประกัน ไม่ต้องติดตามการขึ้นลงของราคาทอง แต่จำเป็นต้องทำความเข้าใจและศึกษาอย่างจริงจังก่อนลงทุน เพราะไม่ใช่การซื้อทองไว้เก็งกำไรเหมือนทองคำแท่ง

5. ออมทอง

การออมทอง (Gold Saving) เปรียบเหมือนการผ่อนซื้อทอง โดยนำสำเนาบัตรประชาชนและสำเนาบัญชีธนาคารไปเปิดบัญชีกับร้านทอง ร้านทองจะหักเงินฝากของเราทุกเดือนไปสะสมสำหรับซื้อทอง สามารถกำหนดขั้นต่ำได้ เช่น 1,000 บาท และจะสามารถถอนทองออกมาได้เมื่อทองมีมูลค่าครบ 1 บาท มีข้อดีคือทองคำของเราจะปลอดภัยกว่าเก็บไว้กับตัวเอง แต่อาจคำนวณกำไรหรือการขาดทุนจากอัตราการขึ้นลงของราคาทองได้ยากกว่าการซื้อทองเป็นบาทไปเลย

เริ่มต้นลงทุนในทองคำต้องทำอย่างไรดี?

1. สำรวจตนเอง

เพื่อดูว่ามีอุปนิสัยอย่างไร เหมาะกับการลงทุนแบบไหน เช่น ถ้าไม่มีเวลาศึกษาข้อมูลในการลงทุนมากนัก อาจไม่เหมาะกับการลงทุนแบบโกลด์ฟิวเจอร์ส หรือต้องการการลงทุนที่ได้กำไรมาก ไม่เสียค่าธรรมเนียมกองทุน หรือค่ากำเหน็จ สามารถคำนวณได้ชัดเจน อาจเหมาะกับการลงทุนในทองแท่ง เป็นต้น

2. ศึกษาข้อมูลก่อนการลงทุน

อย่างน้อยต้องศึกษาข้อมูลพื้นฐานให้เข้าใจ เช่น ทองคำแท่งมีแบบ 96.5% กับ 99.99% คนนิยมลงทุนกันแบบไหน ถ้าไม่อยากเกิดอันตรายเพราะมีทองคำไว้ในครอบครอง ควรลงทุนทองแบบไหน เป็นต้น

3. ดูความน่าเชื่อถือ

เลือกร้านทอง บริษัทค้า หรือกองทุนรวมทองคำที่ไว้ใจได้ มีตัวตนแน่นอน การดำเนินงานโปร่งใส สามารถตรวจสอบได้ ให้บริการทองคำได้คุณภาพตามมาตรฐาน ซึ่งความน่าเชื่อถือนั้นเป็นอีกเรื่องที่สำคัญมากในการลงทุน

4. กำหนดงบประมาณที่เหมาะกับตนเองและเหมาะต่อการสร้างกำไร

บางครั้งการลงทุนในทองน้อยเกินไปก็อาจทำให้ไม่คุ้มนัก แต่สำหรับมือใหม่ที่เพิ่งเริ่มต้น ก็ควรจะเริ่มจากเงินทุนน้อยๆ ก่อนเพื่อให้เข้าใจกลไกของตลาดทอง เมื่อมีประสบการณ์มากขึ้นก็ค่อยเพิ่มงบในการลงทุน

5. หาจังหวะขายทองเพื่อทำกำไร

โดยต้องดูแนวโน้มตลาดว่าราคาทองจะเพิ่มขึ้นตอนไหน และการจะซื้อทองเพื่อนำมาเก็งกำไร ก็ต้องดูแนวโน้มตลาดช่วงที่ราคาทองลดลง ซึ่งต้องอาศัยทั้งความรู้และประสบการณ์ในการวิเคราะห์

การลงทุนในทองคำเป็นหนึ่งในการลงทุนที่นิยม เพราะทองคำเป็นสินทรัพย์ที่มีมูลค่า มีความทนทาน มีไว้ครอบครองย่อมไม่เสียหาย เพียงแต่เราต้องเลือกบริหารการลงทุนให้เหมาะสม ทั้งต่องบประมาณที่มีและสไตล์การลงทุนของเรา เพื่อให้ได้กำไรสูงสุดนั่นเอง