ทองคำเป็นโลหะแข็งสีเหลือง เงาวาว มีความสวยงาม ทนทาน สามารถใส่เป็นเครื่องประดับ เก็บไว้เป็นทรัพย์สินเผื่อนำออกมาใช้แลกเงินตรายามฉุกเฉินก็ดี หรือจะซื้อมาลงทุนเก็งกำไรก็ได้ ทองคำจึงเป็นสิ่งที่ผู้คนนิยมซื้อเสมอมา อย่างไรก็ตาม ทองคำเป็นสิ่งที่มีราคาผันผวนไม่แน่นอน และประเภทของทองก็มีผลต่อการลงทุนอีกด้วย ไปดูกันดีกว่ามีอะไรที่ควรรู้บ้างก่อนซื้อทองและขายทอง
ข้อควรรู้เกี่ยวกับการซื้อทองและขายทอง
1. ประเภทของทองคำ
ทองคำมี 2 ประเภท ดังนี้
- ทองรูปพรรณ คือทองที่นำมาเป็นเครื่องประดับสำหรับสวมใส่ เช่น สร้อยคอ กำไล เหมาะกับการซื้อมาสวมใส่เพื่อความสวยงามหรือแสดงฐานะ และใช้ออมเงิน แต่ไม่เหมาะกับการลงทุน
- ทองคำแท่ง คือทองในรูปแบบบล็อกสี่เหลี่ยม มีทั้งแบบมีลวดลายสวยงามและไม่มีลวดลาย หรืออาจมีแค่โลโก้ร้านทองอย่างเดียว
2. ราคาทองคำ
ราคาทองคำมี 2 ประเภท คือ ราคาขาย หมายถึงราคาที่ร้านทองขายทองให้ลูกค้า ราคาซื้อ หมายถึงราคาที่ร้านทองรับซื้อทองจากลูกค้า โดยทองแต่ละประเภทจะมีราคาขายและราคารับซื้อไม่เท่ากัน ดังนี้
ราคาขาย
- ทองรูปพรรณ จะบวกค่ากำเหน็จ ซึ่งเป็นค่าทำลวดลายบนทอง โดยทองรูปพรรณ 1 บาท จะบวกค่ากำเหน็จประมาณ 500-1,000 บาท ขึ้นอยู่กับความยากง่ายในการทำลวดลาย
- ทองคำแท่ง ที่มีราคาต่ำกว่า 5 บาท ราคาขายจะมีค่าบล็อก หรือค่าทำลวดลายบนทองคำแท่งด้วย เนื่องจากนิยมซื้อเป็นของขวัญ โดยค่าบล็อกทองคำแท่ง 1 บาท จะมีค่าบล็อกตั้งแต่ 150 บาท จนถึง 300 บาท
ราคารับซื้อ
- ทองรูปพรรณ จะบวกค่ากำเหน็จ ซึ่งเป็นค่าทำลวดลายบนทอง โดยทองรูปพรรณ 1 บาท จะบวกค่ากำเหน็จประมาณ 500-1,000 บาท ขึ้นอยู่กับความยากง่ายในการทำลวดลาย
- ทองคำแท่ง ที่มีราคาต่ำกว่า 5 บาท ราคาขายจะมีค่าบล็อก หรือค่าทำลวดลายบนทองคำแท่งด้วย เนื่องจากนิยมซื้อเป็นของขวัญ โดยค่าบล็อกทองคำแท่ง 1 บาท จะมีค่าบล็อกตั้งแต่ 150 บาท จนถึง 300 บาท
3. ค่ากำเหน็จและค่าบล็อก
- ทองรูปพรรณ ตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ จะคิดลดจากราคารับซื้อคืนทองคำแท่ง 1.8% แต่ถ้าตามหลักเกณฑ์ของ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค จะคิดลดจากราคารับซื้อทองคำแท่งได้สูงสุดไม่เกิน 5% ดังนั้นร้านทองอาจกำหนดราคารับซื้อทองแตกต่างกัน ในกรณีที่ซื้อและขายคืนในร้านเดียวกัน แต่ถ้าซื้อและขายคืนต่างร้าน ร้านทองจะคิดลดได้มากกว่า 5% และไม่มีการบวกค่ากำเหน็จคืนให้
- ทองคำแท่ง ใช้ราคาทองคำแท่งตามประกาศจากสมาคมค้าทองคำ อาจมีลดราคารับซื้อลงจากประกาศเล็กน้อย แต่ไม่มากเท่าที่ลดราคารับซื้อทองรูปพรรณ และทองคำแท่งไม่มีการบวกค่าบล็อกคืนให้
4. การซื้อทองเพื่อเก็งกำไร
การซื้อทองเพื่อการลงทุนเก็งกำไรจากส่วนต่างเวลาขายทอง ควรซื้อเป็นทองคำแท่งมากกว่าทองรูปพรรณ เพราะราคารับซื้อคืนสูงกว่า และถึงแม้ว่าจะถูกหักค่าบล็อก แต่ก็ยังถูกกว่าค่ากำเหน็จอยู่ดี ที่สำคัญทองรูปพรรณจะมีการคิดค่าสึกหรอจากการสวมใส่อีกด้วย
5. การขึ้นลงของราคาทอง
แนวโน้มการขึ้นลงของราคาทอง จากสถิติที่ผ่านมา ราคาทองจะเคลื่อนไหวในทางตรงกันข้ามกับข้าเงินดอลลาร์สหรัฐ เช่น ถ้าค่าเงินดอลลาร์สหรัฐลดลง ราคาทองคำก็จะเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ก็มีปัจจัยอื่นๆ ที่ต้องติดตามเช่นกัน เช่น เศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกา หรือเหตุการณ์ต่างๆ ที่จะส่งผลต่อเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกา เช่น ภัยพิบัติ การก่อจลาจล เป็นต้น ดังนั้นการดูทิศทางของราคาเอาไว้ก็จะทำให้ขายได้กำไร หรือซื้อทองในราคาที่ถูกตามต้องการได้
ข้อมูลข้างต้นคงเป็นประโยชน์สำหรับผู้ที่สนใจซื้อขายทองไม่มากก็น้อย อย่างไรก็ตาม ทองเป็นทรัพย์สินที่มีค่ามาก ควรหาวิธีเก็บรักษาที่ปลอดภัย เช่น ใส่ไว้ในตู้เซฟ หรือฝากธนาคาร เป็นต้น