สำหรับคนที่รู้สึกว่าการทำงานเป็นมนุษย์เงินเดือน การทำงานตามคำสั่งของผู้อื่น ไม่เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของตนเอง การทำธุรกิจส่วนตัว เช่น การทำร้านอาหาร ร้านกาแฟ ร้านเสริมสวย ร้านขายของต่างๆ จึงถือเป็นความฝันของใครหลายๆ คน เพราะได้ทำในสิ่งที่ตนเองชอบ ได้บริหารจัดการสิ่งต่างๆ ด้วยตนเอง แต่หลายๆ คนก็ยังไม่กล้าลงมือทำ เพราะไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไรดี และกังวลว่าถ้ามีปัญหาเกิดขึ้นอาจจัดการได้ไม่ดีพอ ซึ่งสิ่งที่ควรศึกษาและเตรียมพร้อมในการเริ่มต้นทำธุรกิจมีดังนี้
ข้อควรรู้สำหรับคนที่อยากเริ่มต้นทำธุรกิจส่วนตัว
1. ถามความมั่นใจของตัวเอง
การทำธุรกิจไม่ใช่สิ่งที่ล้มเลิกกลางคันได้ง่ายๆ เหมือนการทำงานอดิเรก และในการทำธุรกิจทุกอย่างต้องทุ่มเททั้งแรงกายและแรงใจอย่างมาก ดังนั้นถ้าไม่ได้มีความรักชอบและเชื่อมั่นในธุรกิจที่จะทำจริงๆ ก็อาจทำให้ย่อท้อได้โดยง่าย
2. มีความรู้ในธุรกิจที่จะทำ
เราต้องมีความรู้ความเชี่ยวชาญในสิ่งที่จะทำ เพื่อที่จะได้ทำให้ธุรกิจเป็นไปด้วยดี ไม่อย่างนั้นถ้ามีข้อผิดพลาดขึ้นมา ก็จะไม่สามารถแก้ไขได้ ซึ่งเปรียบได้กับการเลี้ยงสัตว์สักตัว เช่น สุนัขบางสายพันธุ์มักเกิดโรคทางพันธุกรรม ถ้าไม่รู้มาก่อนก็จะทำให้หาวิธีป้องกันหรือดูแลรักษาได้ไม่ดี
3. มีความรู้พื้นฐานการทำธุรกิจ
นอกจากความรู้ความเข้าใจในตัวธุรกิจแล้ว สิ่งที่เป็นพื้นฐานในธุรกิจเช่น การทำบัญชี การบริหารจัดการ รวมถึงการทำภาษี ก็ต้องมีด้วย เพราะแม้ว่าจะจ้างคนอื่นทำได้ แต่ถ้าไม่มีความรู้พื้นฐานเลย เวลาเกิดปัญหาเราอาจจะควบคุมได้ยาก และส่งผลต่อธุรกิจโดยรวม ในกรณีที่เลวร้ายก็อาจจะถูกฉ้อโกงได้ด้วย
4. รู้จักโมเดลธุรกิจ
หัวใจหลักของโมเดลธุรกิจคือ ‘ลูกค้า’ นั่นเอง ดังนั้นต้องรู้ก่อนว่าเราจะขายใคร เช่น ถ้าขายบริษัทหรือหน่วยงานด้วยกัน โมเดลธุรกิจจะเป็นแบบ B2B หรือ Business to Business ถ้าตั้งใจขายผู้บริโภคทั่วไป ก็เป็นธุรกิจแบบ B2C หรือ Business to Customer ซึ่งทั้งสองแบบนี้มีการวางแผนการขายที่แตกต่างกัน
5. รู้จักกลุ่มเป้าหมาย
เมื่อรู้โมเดลธุรกิจแล้วใช่ว่าทุกอย่างจะจบ เราต้องรู้จักว่าลูกค้าของเราคือใคร ทั้งอายุ เพศ อาชีพ จะได้รู้ว่ามีพฤติกรรมแบบไหน เพราะการออกแบบสินค้าและบริการต้องอิงผู้บริโภคเป็นหลัก และจะได้กำหนดแผนการตลาดได้ง่ายขึ้น
6. การตลาดออนไลน์มีความสำคัญ
การทำธุรกิจในปัจจุบัน ถ้าไม่พึ่งพาเทคโนโลยีโดยเฉพาะโลกออนไลน์เลยก็คงทำให้เติบโตได้ยาก ดังนั้นต้องมีความรู้ในการทำการตลาดออนไลน์ด้วย เพราะมีต้นทุนไม่สูง เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้จำนวนมาก
7. มีเงินทุน
แหล่งที่มาของเงินทุนที่ดี ควรจะเป็นเงินเก็บ หรือเงินที่เราไม่เดือดร้อนเมื่อเสียไป การเริ่มต้นทำธุรกิจควรจะเป็นหนี้ให้น้อยที่สุด เพราะเรายังไม่รู้ว่าธุรกิจจะดำเนินไปได้ดีแค่ไหน
8. ประเมินความเสี่ยงทางธุรกิจ
นอกจากเรื่องขาดทุนแล้ว ปัจจัยด้านอื่นๆ ที่ส่งผลต่อธุรกิจก็ต้องคิดเอาไว้ให้ครบถ้วน เช่น เรื่องสภาพอากาศ คู่แข่ง การเมือง กฎหมาย หุ้นส่วน สุขภาพของทีมงาน น้ำท่วม เป็นต้น ซึ่งสิ่งที่สามารถช่วยประกันความเสี่ยงได้คือ การมีเงินทุนสำรอง หรือการทำประกันภัย
9. หาคอนเน็กชั่นที่ดี
การมีคนรู้จักที่ทำธุรกิจหรือคู่ค้าทางธุรกิจ จะช่วยเพิ่มโอกาสทางธุรกิจ เช่น ได้รู้จักแหล่งสินค้าที่มีราคาถูก หรืออาจได้ร่วมมือกับธุรกิจอื่นๆ ทำให้สามารถขยับขยายธุรกิจได้มากขึ้น
10. ปรับตัวให้ทันอยู่เสมอ
เนื่องจากเทรนด์มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา การทำธุรกิจก็ต้องมีการปรับตัวให้ทันกระแส เพื่อให้สินค้าและบริการของเรายังเป็นที่นึกถึงของลูกค้าอยู่เสมอ
แน่นอนว่าสิ่งสำคัญที่สุดของการเริ่มต้นทำธุรกิจคือ “มีใจรัก” แต่การทำธุรกิจย่อมอุปสรรคต่างๆ มากมาย รวมถึงคู่แข่ง ถ้าเราทำได้ไม่ดีพอ ก็จะสู้กับคู่แข่งไม่ได้ และเป็นธุรกิจที่ล้มเหลวในที่สุด ดังนั้นก่อนลงมือทำควรศึกษาให้รอบคอบ และควรเริ่มต้นทำจากทีละเล็กละน้อยเพื่อลองดูว่าได้ผลไหม ก่อนจะต่อยอดให้เติบโตขึ้นในอนาคต
บทความแนะนำ
- E-Commerce (อีคอมเมิร์ซ) คืออะไร? แตกต่างกับธุรกิจทั่วไปอย่างไร?
- Franchise (ธุรกิจแฟรนไซส์) คืออะไร? มีข้อดีข้อเสียอย่างไร?
- Startup (สตาร์ทอัพ) คืออะไร? แตกต่างจาก SME (เอสเอ็มอี) หรือไม่?
- Pre-Order (พรีออเดอร์) และ Dropship (ดรอปชิป) คืออะไร? เลือกแบบไหนดี?
- MLM (ธุรกิจขายตรง) Network Marketing (ธุรกิจเครือข่าย) คืออะไร? ดีจริงหรือไม่?