เราคงเคยได้ยินธุรกิจการค้าปลีก (Retail) และการค้าส่ง (Wholesale) กันมานาน เพราะเป็นสายพานของธุรกิจก่อนสินค้าจะมาถึงมือผู้บริโภค ซึ่งโดยทั่วไปเราอาจรู้จักการค้าปลีกและการค้าส่งคร่าวๆ ว่า การค้าปลีกคือการขายสินค้าจำนวนมาก สินค้าต่อชิ้นจะมีราคาถูกกว่าแบบค้าปลีก ส่วนการค้าปลีกคือการขายสินค้าแบบน้อยชิ้น ผู้บริโภคสามารถเลือกได้ตามต้องการ
ในบทความนี้จะพาไปดูกันว่าความหมายที่แท้จริงของการค้าปลีกและการค้าส่งว่าคืออะไร เพื่อจะได้เข้าใจรูปแบบการค้าของสองประเภทนี้ให้มากขึ้้น

การค้าปลีกคืออะไร?
การค้าปลีก (Retail) หมายถึง การขายสินค้าให้กับผู้บริโภคที่จะนำสินค้านั้นไปใช้ด้วยตนเอง หรือนำไปให้คนในครอบครัว หรือใช้เพื่อประโยชน์ของตนเอง เช่น นำไปเป็นของขวัญให้ผู้อื่น โดยไม่นำไปขายต่อ จึงนับเป็นผู้บริโภคคนสุดท้าย ด้วยเหตุนี้ทำให้ผู้บริโภคที่ซื้อสินค้าแบบค้าปลีกไม่จำเป็นต้องซื้อเพียงไม่กี่ชิ้นเสมอไป แต่สามารถซื้อจำนวนมากได้
ลักษณะการค้าปลีกจะดำเนินการไม่ซับซ้อน ส่วนใหญ่ร้านมีขนาดเล็ก มีการจัดบรรยากาศให้เหมาะแก่การเลือกซื้อสินค้า มีพนักงานขายขายสินค้า หรือเป็นธุรกิจครอบครัวที่ขายได้ด้วยตนเอง และจำหน่ายผ่านหน้าร้านหรือผ่านทางอินเทอร์เน็ต
ตัวอย่างการค้าปลีก เช่น ร้านสะดวกซื้อ จะซื้อสินค้ามาในจำนวนมาก เช่น สบู่ 50 กล่อง แต่ถ้าลูกค้าต้องการเพียง 2 กล่อง ก็สามารถแบ่งขายได้ ซึ่งการค้าลักษณะนี้จะทำให้เป็นตัวกลางระหว่างผู้ค้าส่งและผู้บริโภค โดยที่ผู้บริโภคสามารถเลือกซื้อสินค้าได้จำนวนตามที่ต้องการในกรณีที่ซื้อไม่มาก (อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับประเภทของธุรกิจร้านค้าปลีก)

การค้าส่งคืออะไร?
การค้าส่ง (Wholesale) หมายถึง การจำหน่ายสินค้าจำนวนมากให้แก่ผู้บริโภคที่เป็นผู้ค้าปลีก เพื่อนำไปขายต่อหรือเพื่อใช้ในการทำธุรกิจ เช่น ในโรงงานอุตสาหกรรม โดยผู้ค้าส่งอาจเป็นผู้ผลิตเอง หรือผู้ที่รับสินค้ามาจากบริษัทผู้ผลิตมาขาย เป็นส่วนหนึ่งในการช่วยกระจายสินค้าไปยังร้านค้าปลีกต่างๆ
ลักษณะการค้าส่งจะมีขนาดใหญ่กว่าร้านค้าปลีก ผู้ลงทุนต้องใช้เงินลงทุนสูง ต้องมีความมั่นคงทางธุรกิจ ตัวร้านอาจมีทำเลที่ตั้งและบรรยากาศที่เอาใจผู้บริโภคน้อยกว่าร้านค้าปลีก เพราะไม่ได้เน้นผู้บริโภคที่ซื้อไปใช้เอง แต่เน้นขายให้กับผู้ค้าปลีกที่นำไปขายต่อ จึงต้องเป็นทำเลที่สามารถนำรถมาจอดรับส่งสินค้าได้
ตัวอย่างการค้าส่ง เช่น บริษัทผลิตสินค้าอุปโภคบริโภค จะมีตัวแทนจำหน่ายที่กระจายสินค้าไปสู่ร้านค้าปลีก ทั้งในห้างสรรพสินค้าและในต่างจังหวัด

โดยสรุปแล้ว การค้าปลีกและการค้าส่งมีลักษณะที่แตกต่างกันมาก ไม่ใช่เพียงแต่จำนวนและราคาสินค้าที่ขาย แต่ผู้ประกอบการยังต้องมีความรู้ความสามารถที่แตกต่างกัน เช่น ผู้ค้าปลีกต้องรู้จักวิธีเอาใจลูกค้ามากกว่า สร้างบรรยากาศที่ดีที่ส่งเสริมการขายมากกว่า ส่วนผู้ค้าส่งต้องมีความมั่นคงในการลงทุนระดับหนึ่ง เพราะใช้เงินทุนสูง และต้องมีสถานที่ที่เหมาะกับลูกค้าที่ต้องการซื้อสินค้าแบบค้าส่ง เช่น มีที่จอดรถ เป็นต้น
บทความแนะนำ
- E-Commerce (อีคอมเมิร์ซ) คืออะไร? แตกต่างกับธุรกิจทั่วไปอย่างไร?
- E-Marketplace คืออะไร? มีข้อดีอย่างไร?
- การค้าปลีก (Retail) การค้าส่ง (Wholesale) คืออะไร? ต่างกันอย่างไร?
- ธุรกิจขายตรง (Direct Sales) ธุรกิจเครือข่าย (MLM) คืออะไร?
- Franchise (ธุรกิจแฟรนไซส์) คืออะไร? มีข้อดีข้อเสียอย่างไร?
- Pre-Order (พรีออเดอร์) และ Dropship (ดรอปชิป) คืออะไร? เลือกแบบไหนดี?
- Affiliate (แอฟฟิลิเอท) คืออะไร? Affiliate Marketing มีหลักการทำงานอย่างไร?