ธุรกิจร้านค้าปลีกเป็นธุรกิจที่อยู่คู่กับคนไทยมานาน เพราะเป็นร้านที่อำนวยความสะดวกในการจับจ่ายใช้สอยสินค้าอุปโภคบริโภค ปัจจุบันร้านค้าปลีกได้พัฒนาควบคู่ไปกับความเจริญด้านต่างๆ และความต้องการของผู้บริโภค จนมีร้านค้าปลีกขนาดใหญ่หลายแห่งทีเดียว ซึ่งธุรกิจค้าปลีกมีหลายประเภท โดยหลักๆ สามารถแบ่งได้ดังนี้
ตัวอย่างประเภทของธุรกิจร้านค้าปลีกในไทย
1. ห้างสรรพสินค้า (Department Store)
แหล่งรวมร้านค้าปลีกแทบทุกประเภท ตั้งแต่ร้านขายสินค้าแฟชั่น ร้านขายเครื่องสำอาง ร้านยา ร้านหนังสือ ข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ ไปจนถึงร้านขายอุปกรณ์ไอที ร้านเกม โดยจะแบ่งหมวดหมู่สินค้าอย่างชัดเจน ภายในห้างสรรพสินค้ามีการตกแต่งอย่างหรูหรา มีบรรยากาศที่ดีสำหรับการเดินเลือกซื้อสินค้าและพักผ่อนหย่อนใจ จึงเป็นที่นิยมของผู้บริโภคและมีผู้คนไปใช้บริการมากมาย
ตัวอย่างห้างสรรพสินค้า เช่น Central, The Mall, Robinson
2. ช็อปปิ้งมอลล์ (Shopping Mall)
ช็อปปิ้งมอลล์หรือเรียกอีกชื่อว่า “ศูนย์การค้า” เป็นแหล่งรวมร้านค้าปลีก ไม่จัดหมวดหมู่สินค้าเพราะขึ้นอยู่กับผู้เช่าที่ อาจอยู่ในร่มหรือในที่แจ้งก็ได้ มีแนวคิดให้บริการทุกอย่างแบบครบวงจร เช่น ร้านอาหาร ร้านหนังสือ ร้านขายเครื่องดนตรี เป็นต้น มีลานกิจกรรมไว้จัดกิจกรรมต่างๆ ตามเทศกาล มีบรรยากาศที่คึกคัก
ตัวอย่างช็อปปิ้งมอลล์ เช่น The EmQuartier, Central Embassy, MBK Center
3. ซูเปอร์มาร์เก็ต (Supermarket)
ร้านค้าปลีกที่เน้นสินค้าประเภทอาหารและของใช้จำเป็นในครัวเรือน ส่วนใหญ่เป็นสินค้าที่มีราคาไม่สูง มักตั้งอยู่ใกล้ที่พักอาศัยเพื่อเข้าถึงลูกค้าโดยทั่วไป ส่วนใหญ่เราจะรู้จักซูเปอร์มาร์เก็ตเพราะเป็นส่วนหนึ่งของห้างสรรพสินค้า แต่ปัจจุบันมีการแยกตัวออกมาเปิดแบบเดี่ยวๆ ก็มี หรือแบบที่เรียกว่า แสตนด์อโลน (Stand-Alone) นั่นเอง
ตัวอย่างซูเปอร์มาร์เก็ต เช่น Top Supermarket, Foodland, Villa Market
4. ไฮเปอร์มาร์เก็ต (Hypermarket)
ไฮเปอร์มาร์เก็ต คือ การรวมกันของซูเปอร์มาร์เก็ตและห้างสรรพสินค้า จึงถือได้ว่าเป็นร้านค้าปลีกแบบครบวงจร มีสินค้าแทบทุกชนิดที่ใช้ในชีวิตประจำวัน เช่น อาหาร เครื่องใช้ไฟฟ้า เสื้อผ้า เน้นขายสินค้าที่ขายถูกและสามารถหมุนเวียนเร็ว มีนโยบายลดราคา หรือลดแลกแจกแถมทุกวัน เป็นร้านค้าปลีกที่ลงทุนสูงแต่ก็ได้รับผลตอบแทนที่สูงเพราะมีอัตราการเติบโตสูงสุด
ตัวอย่างไฮเปอร์มาร์เก็ต เช่น Big-C, Makro, Tesco Lotus
5. ร้านขายสินค้าเฉพาะอย่าง (Specialty Store)
ร้านค้าปลีกที่ขายสินค้าหมวดหมู่ใดหมวดหมู่หนึ่ง เช่น ร้านเครื่องเขียน ร้านดอกไม้ ร้านอุปกรณ์กีฬา ร้านเครื่องสำอาง โดยร้านค้าปลีกที่ขายสินค้าเฉพาะอย่างมักมีการจัดแต่งร้านให้ทันสมัย บรรยากาศดึงดูดลูกค้าให้เข้ามาเลือกซื้อสินค้า
ตัวอย่างร้านขายสินค้าเฉพาะอย่าง เช่น Boots และ Watson ซึ่งเป็นร้านขายเครื่องสำอาง และผลิตภัณฑ์เสริมความงามต่างๆ ร้าน B2S และ SE-ED ซึ่งเป็นร้านขายหนังสือและเครื่องเขียน
6. ร้านสะดวกซื้อ (Convenience Store)
ร้านค้าปลีกขนาดเล็ก เน้นตั้งร้านค้าในบริเวณชุมชน สินค้าภายในร้านเป็นสินค้าอุปโภคบริโภคในชีวิตประจำวัน เช่น อาหาร เครื่องดื่ม ของใช้ในบ้าน ส่วนใหญ่ร้านสะดวกซื้อจะมีหลายสาขา เปิดบริการตลอด 24 ชั่วโมง ภาพลักษณ์ของร้านจะสะอาด สะดวกต่อการซื้อของ การวางสินค้ามีระบบและหมวดหมู่ชัดเจน มีการเช็คสต็อกของเพื่อเคลียร์ของหมดอายุอยู่เสมอ
ตัวอย่างร้านสะดวกซื้อ เช่น 7-ELEVEN, Family Mart, Lawson 108
7. มินิมาร์ท (Mini-mart)
มินิมาร์ทมีลักษณะคล้ายร้านสะดวกซื้อ คือตั้งอยู่ในบริเวณชุมชนหรือตามชานเมืองที่ชุมชนยังไม่หนาแน่นมาก หรือในปั๊มน้ำมันต่างๆ การวางสินค้าจะแบ่งเป็นหมวดหมู่ สินค้าเน้นสินค้าอุปโภคบริโภคเป็นหลัก เช่น อาหาร ของใช้ในบ้าน แต่มีขนาดร้านที่เล็กกว่าร้านสะดวกซื้อ
ตัวอย่างร้านมินิมาร์ท เช่น Jiffy Shop, Shell SELECT, Tiger Mart, Star Mart
8. ร้านขายของชำ (Grocery Store)
ร้านค้าปลีกขนาดเล็ก หรือที่เรารู้จักกันในชื่อ “ร้านโชห่วย” นั่นเอง เป็นร้านค้าแบบดั้งเดิมที่ขายสินค้าอุปโภคบริโภคในชีวิตประจำวัน มีพื้นที่น้อยประมาณ 1-2 คูหา ส่วนใหญ่เป็นกิจการที่ทำกันภายในครอบครัว หรือเป็นกิจการเสริม จึงมักใช้พื้นที่จากที่พักอาศัย เช่น ห้องแถว บ้าน ตัวร้านค้าไม่มีการตกแต่งมากนัก เพราะเน้นขายให้กับคนในพื้นที่ ปัจจุบันร้านขายของชำมีจำนวนลดน้อยลง แต่ก็ยังเห็นได้ตามชุมชนต่างๆ ทั่วไป
จะเห็นได้ว่าธุรกิจร้านค้าปลีกในไทยมีหลายประเภท และอยู่ใกล้ตัวเรามากกว่าที่คิด ถ้าผู้บริโภคต้องการซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคอย่างใดอย่างหนึ่งก็สามารถเดินเข้าร้านค้าเหล่านี้ได้เลย ทั้งสะดวกสบาย รวดเร็ว แม้แต่ของจากประเทศก็สามารถหาซื้อได้ง่าย ร้านค้าปลีกจึงเติบโตอย่างรวดเร็วและครอบคลุมการใช้บริการของผู้บริโภคจำนวนมาก
บทความแนะนำ
- E-Commerce (อีคอมเมิร์ซ) คืออะไร? แตกต่างกับธุรกิจทั่วไปอย่างไร?
- E-Marketplace คืออะไร? มีข้อดีอย่างไร?
- การค้าปลีก (Retail) การค้าส่ง (Wholesale) คืออะไร? ต่างกันอย่างไร?
- ธุรกิจขายตรง (Direct Sales) ธุรกิจเครือข่าย (MLM) คืออะไร?
- Franchise (ธุรกิจแฟรนไซส์) คืออะไร? มีข้อดีข้อเสียอย่างไร?
- Pre-Order (พรีออเดอร์) และ Dropship (ดรอปชิป) คืออะไร? เลือกแบบไหนดี?
- Affiliate (แอฟฟิลิเอท) คืออะไร? Affiliate Marketing มีหลักการทำงานอย่างไร?