เราคงได้เห็นตัวอย่างพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ที่เริ่มขายมาตั้งแต่ช่วงที่เทรนด์การซื้อของออนไลน์เริ่มฮิตมีรายได้ และส่วนใหญ่ก็ร่ำรวยจากการขายของออนไลน์ ทำให้การขายของออนไลน์เป็นที่นิยมมากในปัจจุบัน เพราะขายง่าย ใช้พื้นที่บนอินเทอร์เน็ตได้ฟรี แถมไม่ต้องมีหน้าร้าน แต่ด้วยคู่แข่งที่มีเยอะขึ้นมาก นอกจากโฆษณาสินค้าให้ดูน่าสนใจแล้ว พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์จำเป็นต้องมีเทคนิคการเจรจาพูดคุยกับลูกค้า และเทคนิคปิดการขายเพื่อให้ขายสินค้าได้มากขึ้น
เทคนิคปิดการขายสำหรับผู้ขายสินค้าออนไลน์
1. เสนอตัวเลือกให้ลูกค้า
ถ้าร้านของเรามีสินค้าหลายแบบ ลูกค้าอาจจะเกิดความลังเลใจเลือกไม่ถูก ดังนั้นให้ประเมินดูจากเพศ อายุ ว่าลูกค้าน่าจะชอบสินค้าตัวไหน และยกสินค้าขึ้นมา 2-3 ตัวให้ลูกค้าเลือก พร้อมบอกข้อดีของสินค้า จะทำให้ลูกค้าตัดสินใจได้ง่ายกว่า
2. ยกรีวิวมาให้ดู
ก่อนอื่นต้องดูก่อนว่าลูกค้าน่าจะมีความสนใจสินค้าตัวไหน แล้วเลือกรีวิวที่ใกล้เคียงกับลูกค้ามากที่สุดมาให้ดู เพื่อให้ลูกค้าเห็นว่าสินค้านั้นเหมาะกับตนเองหรือไม่ เช่น ขายคอนแทคเลนส์สี ก็เลือกรีวิวที่ผู้รีวิวมีสีผิว โครงหน้า ทรงผม ลักษณะการแต่งตัว ใกล้เคียงกับลูกค้ามาให้ดู
3. ยื่นข้อเสนอที่มีระยะเวลาจำกัด
การใช้ผลประโยชน์ที่มีระยะเวลาจำกัดทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าต้องรีบตัดสินใจเพื่อไม่ให้พลาดโอกาส เช่น ซื้อ 1 แถม 1 วันสุดท้าย จัดส่งฟรี หรือได้ของแถม เป็นต้น
4. บอกผลลัพธ์เป็นตัวเลข
ถ้าลูกค้ายังตัดสินใจไม่ได้ ให้ยกตัวเลขขึ้นมาอ้างอิง เช่น ถ้าใช้บริการของเราจะเห็นผลลัพธ์ภายใน 3 เดือน เพื่อให้ลูกค้ารู้สึกว่ามีข้อมูลที่ผ่านการทดลองมาแล้ว ดูน่าเชื่อถือมากขึ้น
5. ทำเหมือนว่าลูกค้าจะสั่งซื้อแน่นอน
หลังจากแนะนำสินค้าต่างๆ แล้ว ให้ใช้เทคนิคพูดถึงบริการหลังสั่งซื้อแล้ว เช่น “จัดส่งแบบลงทะเบียนหรือ EMS ดีคะ” หรือ “ลูกค้าสะดวกโอนเงินแบบพร้อมเพย์หรือผ่านบัญชีธนาคารคะ” เพื่อโน้มน้าวให้ลูกค้ารู้สึกว่าต้องซื้อสินค้าของเราแล้ว
6. สรุปยอดพร้อมโอน
อีกเทคนิคนึงที่น่าสนใจคือ การสรุปยอดพร้อมโอน เพื่อให้ลูกค้าทราบว่าถ้าเลือกสินค้านี้จะต้องเสียเงินและค่าจัดส่งเท่าไหร่ โดยต้องพูดหลังประเมินได้ว่าลูกค้าจะซื้อสินค้าชนิดไหน และซื้อกี่ชิ้น
ที่สำคัญที่สุดในการขายของสำหรับพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ คือ ต้องใช้คำพูดที่สุภาพ ควรมีหางเสียงลงท้ายประโยคเสมอ หรือเป็นกันเองได้บ้างตามความเหมาะสม และต้องไม่ทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าการมาซื้อสินค้าร้านเรานั้นน่าอึดอัด เพราะเรายัดเยียดสินค้าจนเกินไป ถ้าลูกค้าตัดสินใจไม่ซื้อก็ต้องตอบรับด้วยความสุภาพ และพูดทิ้งท้ายว่าลูกค้าสามารถกลับมาดูสินค้าที่ร้านได้เสมอ เพราะถึงลูกค้าไม่ซื้อวันนี้ แต่อาจตัดสินใจซื้อในวันข้างหน้าด้วยบริการที่ดีของเรา
บทความแนะนำ
- E-Commerce (อีคอมเมิร์ซ) คืออะไร? แตกต่างกับธุรกิจทั่วไปอย่างไร?
- E-Marketplace คืออะไร? มีข้อดีอย่างไร?
- Fulfillment คืออะไร? มีประโยชน์กับร้านค้าออนไลน์อย่างไร?
- Affiliate (แอฟฟิลิเอท) คืออะไร? Affiliate Marketing มีหลักการทำงานอย่างไร?
- เทคนิคปิดการขาย สำหรับพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์
- ไอเดียจัดโปรโมชั่น เพิ่มยอดขายร้านค้าออนไลน์ให้ปัง!